บลจ.กสิกรไทยปลื้ม ลูกค้าแห่ลงทุน"K-TREASURY"ดันยอดสินทรัพย์โตทะลุแสนล้าน เหตุนักลงทุนหันสนใจกองความเสี่ยงต่ำ-สภาพคล่องสูง แต่ยิลด์ดีกว่าเงินฝาก ขณะเดียวกันเตรียมจดทะเบียนเพิ่มขนาดกองทุนอีก 2 หมื่นล้าน หวังรองรับดีมานด์ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมากองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) ได้รับการตอบรับอย่างมากจากนักลงทุน ส่งผลให้ ณ วันที่ 19 มกราคม 2552 กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงถึง 100,563 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 78,548 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 12 เดือนเท่านั้น
สำหรับนโยบายของกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐระยะสั้น โดยไม่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ทำให้เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
“กองทุน K-TREASURY ได้รับความนิยมสูงมากในปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและมีความเสี่ยงต่ำ และผลตอบแทนจากการลงทุนยังไม่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย อีก 15% นอกจากนี้ยังมีสภาพคล่องสูงใกล้เคียงกับการฝากเงินคือสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ทำให้ผู้ลงทุนให้ความไว้วางใจลงทุนในกองทุน K-TREASURY เป็นอย่างมาก” นายรพี กล่าว
นายรพี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาหลังจากกองทุนดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเพิ่มทุนสำหรับกองทุนดังกล่าวตลอดปี 2551 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ให้ความสนใจลงทุนเพิ่มขึ้น และขณะนี้กำลังยื่นขอจดทะเบียนเพิ่มทุนอีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีจำนวนเงินทุนของโครงการทั้งสิ้น 120,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในช่วงดอกเบี้ยขาลง ในขณะเดียวกันก็ให้ความปลอดภัยของตราสารที่ออกโดยรัฐบาล
สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 16 มกราคม 2552 ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.62% โดยเกณฑ์มาตรฐานที่นำมาเปรียบเทียบอยู่ที่ 2.31% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.88% เปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานจะอยู่ที่ 2.53% ขณะที่ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.83% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.51% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.52% ซึ่งเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานจะอยู่ที่ 3.32% (เกณฑ์มาตรฐาน : อัตราผลตอบแทนของเงินฝากประจำ 1 ปี ประเภทบุคคลธรรมดา วงเงิน 1 ล้านบาทเฉลี่ยของ ธ.กรุงเทพ ธ.กสิกรไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์ ณ 16 ม.ค. 52 ก่อนหักภาษี 15%)
ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารของกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) มีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2551 โดยในเดือนเมษายนปีที่ผ่านมาเดือนเดียวมยอดลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากถึง 2 หมื่นล้านบาทจากเดิมในช่วงต้นปีที่ 48,833.00 ล้านบาท มาอยู่ที่ 68,583 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนนั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือน ธันวาคม 2551 พบว่า ยอดขยายตัวของกองทุนทั้งปีรวมแล้วสูงถึงกว่า 4 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 88,240 ล้านบาท นับเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัวภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งมียอดมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการช่วงต้นปี 2551 ที่ 4 หมื่นกว่าล้านบาท
กองทุน K-TREASURY มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเพิ่มขึ้นเกือบ 3 หมื่นล้านบาทในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้บลจ.กสิกรไทยได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเพิ่มทุนไปแล้วถึง 6 ครั้งด้วยกัน
อนึ่ง ปัจจัยที่ทำให้กองทุนนี้มีขนาดเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะมาจากเงินออมของประชาชนที่เดิมมักจะฝากอยู่ในธนาคาร และมีบางส่วนที่จะมาจากเงินของนักลงทุนที่นำมาพักไว้ระหว่างที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุนที่สร้างผลตอบแทนสูงในช่วงที่ผ่าน ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีการลงทุนในกองทุนนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ นายเขมชาติ สุวรรณกุล ผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวถึงการออกองุทนอสังหาริมทรัพย์กองใหม่ในปีนี้ว่า จำเป็นที่จะต้องได้ผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนด้วยหากลงทุนสินทรัพย์ประเภทโรงแรม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บลจ.กสิกรไทย อยู่ระหว่างเตรียมการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 2 กองทุน ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และคาดว่าจะสามารถนำออกมาเสนอขายให้แก่นักลงทุนได้ครึ่งหลังของปี 2552
ขณะเดียวกัน บลจ.กสิกรไทย ยืนยันว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ตในเครือ เซ็นทารา (CTARAF) ที่ได้เข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคือ อาคารโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย เป็นระยะเวลา 30 ปี ขณะนี้จากขู้อมมูลยังไม่พบว่าได้รับผลกระทบแต่อย่างใด