บลจ.กสิกรไทยโชว์บริการเด็ดส่งท้ายปีฉลู ลูกค้า LTF 6 กองทุนขายคืนสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่ 5 มกราคมปีหน้า เชื่อเป็นโอกาสดีแก่นักลงทุนในการวางแผนการลงทุนอย่างเหมาะสม และไม่กระทบดัชนีตลาดหุ้นหากมีการขายครั้งละมากๆ เพียงปีละ 2 ครั้ง
นางเสาวณีย์ ศรีสุวรรณกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดให้ผู้ลงทุนขายคืนและสับเปลี่ยนกองทุน LTF ภายใต้การจัดการของบริษัททั้ง 6 กองทุน ได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถขายคืนและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกองทุน LTF ได้อย่างไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขายคืน นอกจากนี้ ยังได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในกรณีสับเปลี่ยนไปยังกองทุน LTF อื่นๆ ภายใต้การจัดการของบลจ.กสิกรไทยอีกด้วย
การเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถขายคืนและสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนในกองทุน LTF ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนก็สามารถเลือกช่วงเวลาขายคืนหรือสับเปลี่ยนได้ทุกวัน โดยไม่ต้องรอเพียงปีละ 2 ครั้ง ในขณะเดียวกันผู้จัดการกองทุนก็ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นที่ถืออยู่ออกเพื่อนำเงินคืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งละมากๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงตามไปด้วย
สำหรับกองทุน LTF ภายใต้การจัดการของบลจ.กสิกรไทย มีทั้งหมด 6 กองทุนได้แก่กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยาวปันผล และ กองทุนเปิดเค สตราทีจิค ดีเฟ็นซีฟหุ้นระยะยาวปันผล โดย ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2551 กองทุนรวมหุ้นระยะยาวทั้ง 6 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งสิ้น 8,475.49 ล้านบาท
อนึ่ง กองทุน LTF เดิมสามารถขายคืนได้เพียงปีละ 2 ครั้งตามช่วงเวลาที่แต่ละบลจ.กำหนด โดยทำให้นักลงทุนไม่สามารถขายออกได้ตามความต้องการเมื่อยกเลิกการลงทุน หรือดัชนีอยู่ในระดับที่ต้นเองพอใจ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบได้หากช่วงเวลาที่กำหนดให้สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ ดัชนีมีการปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีมติให้ยกเลิกเกณฑ์ที่กำหนดให้ขายคืนหน่วยลงทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) สำหรับผู้ลงทุนที่ลงทุนครบตามเงื่อนไขการลงทุนโดยถือหน่วยลงทุนมาแล้ว 5 ปีปฏิทิน สามารถวางแผนการขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามความเหมาะสมตลอดทั้งปีเมื่อไรก็ได้เสมือนเป็นการลงทุนในกองทุนหุ้นปกติที่สามารถซื้อขายได้ทุกวัน จากเดิมที่มีการกำหนดช่วงเวลาการขายเอาไว้
อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่ยังลงทุนไม่ครบตามเงื่อนไขการลงทุนยังคงขายคืนหน่วยลงทุนได้เพียงไม่เกินปีละ 2 ครั้งเหมือนเดิม ดังนั้นนักลงทุนในกองทุน LTF จะมีเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน ทั้งนี้ การจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ในช่วงเวลาไหนบ้างนั้นเป็นเรื่องของแต่ละบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) จะต้องไปพิจารณากันเองตรงนี้สำนักงานก.ล.ต.เพียงแค่ปลดล็อคให้เท่านั้น แต่ไม่ได้บังคับว่าแต่ละบลจ.ต้องทำ
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สายงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ สำนักงานก.ล.ต.เคยให้เหตุผลเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนสำหรับกองทุน LTF ว่า “การที่กองทุน LTF เปิดให้ขายคืนหน่วยลงทุนได้เพียงไม่เกินปีละ 2 ครั้งทำให้นักลงทุนที่ลงทุนครบตามเงื่อนไขแล้วอยากจะขายคืนในบางครั้งเสียโอกาสที่ดีในการที่จะขายหน่วยลงทุนไปในช่วงที่ตลาดหุ้นดี ทางสำนักงานก.ล.ต.จึงได้ปลดล็อคเรื่องนี้ให้สำหรับผู้ที่ลงทุนครบตามเงื่อนไขแล้วเท่านั้น"นายประเวชกล่าว
โดยเมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้ทำการแต่งตั้ง นายรพี สุจริตกุล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
สำหรับ นายรพี สุจริตกุล ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ เดิมดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ตั้งแต่ช่วงปี 2548 และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกัลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
ทั้งนี้ นายรพี เริ่มงานที่ ก.ล.ต.ยุคก่อตั้งก.ล.ต.ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 2535-30 ก.ย. 2537 รวม 2 ปี 5 เดือน 8 วัน จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกำกับตลาดทุน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2537-29 ก.พ. 2539 รวม 1 ปี 5 เดือน และตำแหน่งผู้อำนวยการฝายกำกับธุรกิจกหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2539-31 ม.ค. 2543 รวม 3 ปี 11 เดือน โดยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2543-12 ธ.ค. 2545 รวม 2 ปี 10 เดือน 12 วัน ก่อนจะดำรงตำแหน่งสุดท้ายคือ ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส รวม 1 ปี 9 เดือนกับ 3 วัน
ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทยเป็น บลจ.ที่มีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม(ไม่นับรวมกองทุนประเภทอื่น) จากทั้งหมด 21 แห่ง โดยการขยายตัวของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM) ในช่วยที่ผ่านมา ณ สิ้นเดือนตุลาคมมีอัตราการเติบโตขึ้นมากกว่า 6% แม้ภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมกองทุนรวมจะติดลบลงถึง 2% ด้วยสินทรัพย์รวมฯอยู่ที่ประมาณ 3.38 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวมประมาณ 3.38 แสนล้านบาท ที่เหลือจะเป็นกองทุนประเภทต่างๆ อย่างไพรเวตฟันด์ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นต้น
ส่วนกองทุนที่มีการขยายตัวมากที่สุดจะเป็นกองทุนเปิด K-TREASURY ที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุดคือกว่า 6 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 8.8 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2551 และกองทุนพันธบัตรเกาหลี ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 28 กองทุนรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยมีบัญชีใหม่ที่มาลงทุนทั้งหมด 160,790 ราย มาอยู่ที่ 295,067 ราย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 134,277 ราย
นางเสาวณีย์ ศรีสุวรรณกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดให้ผู้ลงทุนขายคืนและสับเปลี่ยนกองทุน LTF ภายใต้การจัดการของบริษัททั้ง 6 กองทุน ได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถขายคืนและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกองทุน LTF ได้อย่างไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขายคืน นอกจากนี้ ยังได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในกรณีสับเปลี่ยนไปยังกองทุน LTF อื่นๆ ภายใต้การจัดการของบลจ.กสิกรไทยอีกด้วย
การเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถขายคืนและสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนในกองทุน LTF ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนก็สามารถเลือกช่วงเวลาขายคืนหรือสับเปลี่ยนได้ทุกวัน โดยไม่ต้องรอเพียงปีละ 2 ครั้ง ในขณะเดียวกันผู้จัดการกองทุนก็ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นที่ถืออยู่ออกเพื่อนำเงินคืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งละมากๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงตามไปด้วย
สำหรับกองทุน LTF ภายใต้การจัดการของบลจ.กสิกรไทย มีทั้งหมด 6 กองทุนได้แก่กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยาวปันผล และ กองทุนเปิดเค สตราทีจิค ดีเฟ็นซีฟหุ้นระยะยาวปันผล โดย ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2551 กองทุนรวมหุ้นระยะยาวทั้ง 6 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งสิ้น 8,475.49 ล้านบาท
อนึ่ง กองทุน LTF เดิมสามารถขายคืนได้เพียงปีละ 2 ครั้งตามช่วงเวลาที่แต่ละบลจ.กำหนด โดยทำให้นักลงทุนไม่สามารถขายออกได้ตามความต้องการเมื่อยกเลิกการลงทุน หรือดัชนีอยู่ในระดับที่ต้นเองพอใจ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบได้หากช่วงเวลาที่กำหนดให้สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ ดัชนีมีการปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีมติให้ยกเลิกเกณฑ์ที่กำหนดให้ขายคืนหน่วยลงทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) สำหรับผู้ลงทุนที่ลงทุนครบตามเงื่อนไขการลงทุนโดยถือหน่วยลงทุนมาแล้ว 5 ปีปฏิทิน สามารถวางแผนการขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามความเหมาะสมตลอดทั้งปีเมื่อไรก็ได้เสมือนเป็นการลงทุนในกองทุนหุ้นปกติที่สามารถซื้อขายได้ทุกวัน จากเดิมที่มีการกำหนดช่วงเวลาการขายเอาไว้
อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่ยังลงทุนไม่ครบตามเงื่อนไขการลงทุนยังคงขายคืนหน่วยลงทุนได้เพียงไม่เกินปีละ 2 ครั้งเหมือนเดิม ดังนั้นนักลงทุนในกองทุน LTF จะมีเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน ทั้งนี้ การจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ในช่วงเวลาไหนบ้างนั้นเป็นเรื่องของแต่ละบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) จะต้องไปพิจารณากันเองตรงนี้สำนักงานก.ล.ต.เพียงแค่ปลดล็อคให้เท่านั้น แต่ไม่ได้บังคับว่าแต่ละบลจ.ต้องทำ
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สายงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ สำนักงานก.ล.ต.เคยให้เหตุผลเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนสำหรับกองทุน LTF ว่า “การที่กองทุน LTF เปิดให้ขายคืนหน่วยลงทุนได้เพียงไม่เกินปีละ 2 ครั้งทำให้นักลงทุนที่ลงทุนครบตามเงื่อนไขแล้วอยากจะขายคืนในบางครั้งเสียโอกาสที่ดีในการที่จะขายหน่วยลงทุนไปในช่วงที่ตลาดหุ้นดี ทางสำนักงานก.ล.ต.จึงได้ปลดล็อคเรื่องนี้ให้สำหรับผู้ที่ลงทุนครบตามเงื่อนไขแล้วเท่านั้น"นายประเวชกล่าว
โดยเมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้ทำการแต่งตั้ง นายรพี สุจริตกุล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
สำหรับ นายรพี สุจริตกุล ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ เดิมดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ตั้งแต่ช่วงปี 2548 และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกัลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
ทั้งนี้ นายรพี เริ่มงานที่ ก.ล.ต.ยุคก่อตั้งก.ล.ต.ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 2535-30 ก.ย. 2537 รวม 2 ปี 5 เดือน 8 วัน จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกำกับตลาดทุน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2537-29 ก.พ. 2539 รวม 1 ปี 5 เดือน และตำแหน่งผู้อำนวยการฝายกำกับธุรกิจกหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2539-31 ม.ค. 2543 รวม 3 ปี 11 เดือน โดยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2543-12 ธ.ค. 2545 รวม 2 ปี 10 เดือน 12 วัน ก่อนจะดำรงตำแหน่งสุดท้ายคือ ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส รวม 1 ปี 9 เดือนกับ 3 วัน
ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทยเป็น บลจ.ที่มีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม(ไม่นับรวมกองทุนประเภทอื่น) จากทั้งหมด 21 แห่ง โดยการขยายตัวของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM) ในช่วยที่ผ่านมา ณ สิ้นเดือนตุลาคมมีอัตราการเติบโตขึ้นมากกว่า 6% แม้ภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมกองทุนรวมจะติดลบลงถึง 2% ด้วยสินทรัพย์รวมฯอยู่ที่ประมาณ 3.38 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวมประมาณ 3.38 แสนล้านบาท ที่เหลือจะเป็นกองทุนประเภทต่างๆ อย่างไพรเวตฟันด์ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นต้น
ส่วนกองทุนที่มีการขยายตัวมากที่สุดจะเป็นกองทุนเปิด K-TREASURY ที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุดคือกว่า 6 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 8.8 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2551 และกองทุนพันธบัตรเกาหลี ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 28 กองทุนรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยมีบัญชีใหม่ที่มาลงทุนทั้งหมด 160,790 ราย มาอยู่ที่ 295,067 ราย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 134,277 ราย