บล.กสิกรไทย ชี้ แม้ตลาดหุ้นซบเซา วอลุ่มหด ลูกค้าระยะกลาง-ยาว สบโอกาสทยอยเก็บหุ้นราคาถูก ดันมาร์เกตแชร์ โตแตะ 2 % "ณัฐรินทร์" มั่นใจแชร์ปีนี้เฉลี่ยได้ตามเป้า หวังลูกค้าเปิดบัญชีเพิ่มเป็น 9 พันบัญชี ด้าน "รพี " เผย แนวโน้มเทกโอเวอร์เพิ่มจากหุ้นถูก ขณะนี้มีงานในมือ 5 ดีล
นางณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจัยการเมืองและปัจจัยลบต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขาย ปรับตัวลดลงเฉลี่ยที่ระดับ 10,000-12,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งบริษัทได้ปรับลดมูลค่าการซื้อขายปีนี้ลดลงเหลือ 15,000 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ลูกค้าของบริษัที่ลงทุนระยะกลางและยาวของบริษัทได้เข้ามาทยอยซื้อหุ้นจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามากพอสมควร ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 2.05% จากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 1.06% โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายมาร์เกตแชร์ปีนี้เฉลี่ยที่ 2% ซึ่งจากต้นปีถึงปัจจุบันเฉลี่ยที่ 1.5% โดยมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เพราะบริษัทตั้งทีมวิจัยสถาบัน และมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น
สำหรับปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเปิดบัญชีจำนวน 8,000 บัญชี เพิ่มขึ้น จากสิ้นปีที่แล้วที่มี 6,000 บัญชี โดยตั้งเป้าจะมีลูกค้าเปิดบัญชีปีนี้จำนวน 9,000 บัญชี จากที่คาดว่าปัจจัยทางการเมืองจะคลี่คลายภายในช่วง 1-2 เดือนนี้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจและกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และจากการที่ธนาคารกสิกรไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจะแนะนำลูกค้าให้
"ลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ช่วงแรกจะเปลี่ยนการลงทุนจากฝากเงินกับธนาคาร จะมาลงทุนในพันธบัตร และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก่อน ส่วนการที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทันทีนั้น ยังมีน้อย โดยการที่ลูกค้าระยะกลางและยาวได้เข้ามาทยอยซื้อหุ้น นั้นส่งผลให้สัดส่วนนักลงทุนสถาบันของบริษัทเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 36% จากปีก่อนที่มี 20% โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 40% และนักลงทุนรายย่อยอยู่ที่ 60% "นางณัฐรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและเชื่อมโยงทั่วโลก บริษัทจึงได้จัดทำ KS Investor Conference ขึ้น โดยความร่วมมือของธนาคารกสิกรไทย และศูนย์วิจัยกสิกรไทย เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุน และตอบโจทย์ความต้องการของนักลทุนโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ต้องการข้อมูลในเชิงลึกที่ครบถ้วน ทันต่อเหตุการณ์เพื่อวางกลยุทธ์การลงทุน
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มการเกิดการควบรวมกิจการ (M&A)จะมีมากขึ้น จากการที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลง และส่งผลให้ราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลดลงตาม จึงทำให้มีนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนใจที่จะเข้ามาซื้อกิจการในประเทศไทยมากขึ้นจากที่มีราคาที่ต่ำ โดยขณะนี้บริษัทมีงานควบรวมกิจการ 5 ดีล ซึ่งแต่ละดีลจะมีขนาดมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ประมาณ 3,000 ล้านบาท
นางณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจัยการเมืองและปัจจัยลบต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขาย ปรับตัวลดลงเฉลี่ยที่ระดับ 10,000-12,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งบริษัทได้ปรับลดมูลค่าการซื้อขายปีนี้ลดลงเหลือ 15,000 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ลูกค้าของบริษัที่ลงทุนระยะกลางและยาวของบริษัทได้เข้ามาทยอยซื้อหุ้นจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามากพอสมควร ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 2.05% จากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 1.06% โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายมาร์เกตแชร์ปีนี้เฉลี่ยที่ 2% ซึ่งจากต้นปีถึงปัจจุบันเฉลี่ยที่ 1.5% โดยมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เพราะบริษัทตั้งทีมวิจัยสถาบัน และมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น
สำหรับปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเปิดบัญชีจำนวน 8,000 บัญชี เพิ่มขึ้น จากสิ้นปีที่แล้วที่มี 6,000 บัญชี โดยตั้งเป้าจะมีลูกค้าเปิดบัญชีปีนี้จำนวน 9,000 บัญชี จากที่คาดว่าปัจจัยทางการเมืองจะคลี่คลายภายในช่วง 1-2 เดือนนี้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจและกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และจากการที่ธนาคารกสิกรไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจะแนะนำลูกค้าให้
"ลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ช่วงแรกจะเปลี่ยนการลงทุนจากฝากเงินกับธนาคาร จะมาลงทุนในพันธบัตร และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก่อน ส่วนการที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทันทีนั้น ยังมีน้อย โดยการที่ลูกค้าระยะกลางและยาวได้เข้ามาทยอยซื้อหุ้น นั้นส่งผลให้สัดส่วนนักลงทุนสถาบันของบริษัทเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 36% จากปีก่อนที่มี 20% โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 40% และนักลงทุนรายย่อยอยู่ที่ 60% "นางณัฐรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและเชื่อมโยงทั่วโลก บริษัทจึงได้จัดทำ KS Investor Conference ขึ้น โดยความร่วมมือของธนาคารกสิกรไทย และศูนย์วิจัยกสิกรไทย เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุน และตอบโจทย์ความต้องการของนักลทุนโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ต้องการข้อมูลในเชิงลึกที่ครบถ้วน ทันต่อเหตุการณ์เพื่อวางกลยุทธ์การลงทุน
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มการเกิดการควบรวมกิจการ (M&A)จะมีมากขึ้น จากการที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลง และส่งผลให้ราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลดลงตาม จึงทำให้มีนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนใจที่จะเข้ามาซื้อกิจการในประเทศไทยมากขึ้นจากที่มีราคาที่ต่ำ โดยขณะนี้บริษัทมีงานควบรวมกิจการ 5 ดีล ซึ่งแต่ละดีลจะมีขนาดมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ประมาณ 3,000 ล้านบาท