บลจ.ธนชาต เผยดีมานด์ล้นนักลงทุน ไหลเข้ากองทุนตราสารหนี้ -มันนีมาร์เก็ตเพียบ หลังอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดขาย “ตราสารหนี้พลัส 3” อายุโครงการ 2 ปี เน้นลงทุนบอนด์ภาคเอกชนและหรือภาครัฐคุณภาพดี ไอพีโอแล้ววันนี้ - 16 มีนาคมนี้
นางสาวทิพวัลย์ เอี่ยมโอภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ได้มีการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลงไปอีก ทำให้เทรนด์การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ และกองทุนรวมมันนีมาร์เก็ตเริ่มมีนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนอย่างเห็นชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะมีการออกกองทุนตราสารหนี้ตั้งแต่อายุ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปีอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีก ส่งผลให้นักลงทุนที่มีรายได้จากอัตราดอกเบี้ยเป็นหลักได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวต้องแสวงหาการลงทุนในช่องทางใหม่ ๆ ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีมากขึ้น
ล่าสุด บริษัทกำลังเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดตราสารหนี้พลัส 3 (THANACHART FIXED INCOME PLUS FUND หรือ TFixPlus3) อายุโครงการ 2 ปี โดยเริ่มเปิดขายตั้งแต่วันที่ 9 - 16 มีนาคม 2552 ทั้งนี้ กองทุนได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนแล้วเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2552 ด้วยมูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท ในระหว่างระยะเวลาการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก บริษัทจัดการอาจเสนอขายหน่วยลงทุนเกินจำนวนเงินทุนของโครงการได้ไม่เกิน 45 ล้านบาท
โดยกองทุนดังกล่าวถือเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้สนใจลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐ ที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัยพ์ (ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
นางสาวทิพวัลย์ กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจะเปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนจากค่าเฉลี่ยระหว่างอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ (ZRR) อายุ ประมาณ 2 ปี ในสัดส่วนร้อยละ 50 และอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนอายุประมาณ 2 ปีในสัดส่วนร้อยละ 50 ณ วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม
“หลังจากที่ช่วงปี 2551 ได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนต่างก็ยังชะลอตัวการลงทุนไป เพื่อเป็นรอดูสถานการณ์ที่แน่ชัดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเกิดผลกระทบดังกล่าวนักลงทุนในประเทศเองก็ยังชอบที่จะทุนในประเทศมากกว่านอกประเทศ เนื่องจากว่าการลงทุนในประเทศมีความเสี่ยงต่ำและมีความปลอดภัยที่สูงกว่าด้วย” นางสาวทิพวัลย์ กล่าว
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้แล้วในส่วนของกองทุนมันนีมาร์เก็ตเองในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกันหลังจากที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะเห็นได้ว่ากองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน หรือ T-CASH ตั้งแต่ช่วงต้นปีมีนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากนั้นเอง ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน หรือ T-CASH ที่นักลงทุนหันมาลงทุนแทนการฝากเงินในธนาคารนั้น ณ วันที่ 5 มีนาคม 2552 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีที่เพิ่มขึ้นเป็น 33,634.37 ล้านบาทแล้ว
“เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีการปรับลดลง บริษัทเองก็ยังเน้นออกกองทุนรวมตราสารหนี้เป็นหลักด้วย เนื่องจากกองทุนประเภทดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่ำด้วย โดยบริษัทจะเน้นการลงทุนให้มีความหลากหลาย ซึ่งในบางกองทุนอาจจะเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ หรือพันธบัตรรัฐบาล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้มีทางเลือกแก่นักลงทุนมากขึ้น” นางสาวทิพวัลย์ กล่าว
นางสาวทิพวัลย์ เอี่ยมโอภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ได้มีการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลงไปอีก ทำให้เทรนด์การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ และกองทุนรวมมันนีมาร์เก็ตเริ่มมีนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนอย่างเห็นชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะมีการออกกองทุนตราสารหนี้ตั้งแต่อายุ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปีอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีก ส่งผลให้นักลงทุนที่มีรายได้จากอัตราดอกเบี้ยเป็นหลักได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวต้องแสวงหาการลงทุนในช่องทางใหม่ ๆ ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีมากขึ้น
ล่าสุด บริษัทกำลังเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดตราสารหนี้พลัส 3 (THANACHART FIXED INCOME PLUS FUND หรือ TFixPlus3) อายุโครงการ 2 ปี โดยเริ่มเปิดขายตั้งแต่วันที่ 9 - 16 มีนาคม 2552 ทั้งนี้ กองทุนได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนแล้วเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2552 ด้วยมูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท ในระหว่างระยะเวลาการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก บริษัทจัดการอาจเสนอขายหน่วยลงทุนเกินจำนวนเงินทุนของโครงการได้ไม่เกิน 45 ล้านบาท
โดยกองทุนดังกล่าวถือเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้สนใจลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐ ที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัยพ์ (ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
นางสาวทิพวัลย์ กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจะเปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนจากค่าเฉลี่ยระหว่างอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ (ZRR) อายุ ประมาณ 2 ปี ในสัดส่วนร้อยละ 50 และอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนอายุประมาณ 2 ปีในสัดส่วนร้อยละ 50 ณ วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม
“หลังจากที่ช่วงปี 2551 ได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนต่างก็ยังชะลอตัวการลงทุนไป เพื่อเป็นรอดูสถานการณ์ที่แน่ชัดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเกิดผลกระทบดังกล่าวนักลงทุนในประเทศเองก็ยังชอบที่จะทุนในประเทศมากกว่านอกประเทศ เนื่องจากว่าการลงทุนในประเทศมีความเสี่ยงต่ำและมีความปลอดภัยที่สูงกว่าด้วย” นางสาวทิพวัลย์ กล่าว
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้แล้วในส่วนของกองทุนมันนีมาร์เก็ตเองในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกันหลังจากที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะเห็นได้ว่ากองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน หรือ T-CASH ตั้งแต่ช่วงต้นปีมีนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากนั้นเอง ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน หรือ T-CASH ที่นักลงทุนหันมาลงทุนแทนการฝากเงินในธนาคารนั้น ณ วันที่ 5 มีนาคม 2552 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีที่เพิ่มขึ้นเป็น 33,634.37 ล้านบาทแล้ว
“เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีการปรับลดลง บริษัทเองก็ยังเน้นออกกองทุนรวมตราสารหนี้เป็นหลักด้วย เนื่องจากกองทุนประเภทดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่ำด้วย โดยบริษัทจะเน้นการลงทุนให้มีความหลากหลาย ซึ่งในบางกองทุนอาจจะเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ หรือพันธบัตรรัฐบาล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้มีทางเลือกแก่นักลงทุนมากขึ้น” นางสาวทิพวัลย์ กล่าว