ASTVผู้จัดการรายวัน – บลจ.ธนชาต ชี้แม้การลงทุนในประเทศไม่คึกคัก เหตุทางการลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่นักลงทุนยังไม่อยากเสี่ยง เตรียมชงกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ รองรับดีมานด์ลูกค้าเป็นหลัก ส่วนการลงทุนในเกาหลี ยังมั้นใจ แม้มีข่าวเศรษฐกิจย่ำแย่ เหตุยังมีทุนสำรองสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก
นางสาวทิพวัลย์ เอี่ยมโอภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของการลงทุนในส่วนของประเทศไทยเอง ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกเช่นกับประเทศอื่นทั่วโลก รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยเองก็มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง ทำให้การลงทุนในประเทศไม่ค่อยคึกคักมากนัก แต่ยังมีนักลงทุนบางรายที่ยังชอบการลงทุนในประเทศอยู่ เพราะยังเชื่อมั่นถึงความแข็งแกร่งในประเทศและความปลอดภัยเป็นหลัก ถึงแม้ว่าผลตอบแทนจะยังได้ไม่มากที่เท่าที่ควร ดังนั้น ในแนวทางของบริษัทขณะนี้ยังคงเน้นออกกองทุนตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ไว้รองรับกลุ่มนักลงทุนที่ยังคงมีความต้องการอยู่
ส่วนภาวะการลงทุนในประเทศเกาหลีนั้น หลายฝ่ายยังคงมองว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น เนื่องจากว่าประเทศเกาหลีเองยังคงเป็นประเทศที่มีการผลิตการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ในทางกลับกัน ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว ประเทศเกาหลีเองยังคงมีความเข้มแข็งในด้านเงินทุนสำรองเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงปลายเดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีเองมีเงินทุนสำรองอยู่ประมาณ 2 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลกที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงิน ทำให้สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redemption) ให้แก่นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 8 (T-FixFIF8) โดยจ่ายผลตอบแทนเท่ากับ 1.1332% จากเงินลงทุน ซึ่งครั้งถือว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยครั้งที่ 2 ได้ทำการจ่ายไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2551 และครั้งแรกจ่ายไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา
สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 2 มีนาคม 2552 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.18% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐานที่ -1.38% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 13.01% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 8.06% และย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 11.68% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.39% ส่วนผลตอบแทนแบบรายไตรมาสในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา ไตรมาส 3 ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.10% และไตรมาส 4 ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 27.35%
ส่วนมูลค่าทรัพย์สิน หรือ เอ็นเอวี ของกองทุน ณ วันที่ 2 มีนาคม 2552 อยู่ที่ 297.57 ล้านบาท และมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.83 บาทต่อหน่วย ขณะที่สัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 30 มกราคม 2552 กองทุนแบ่งเข้าไปลงทุนในพันธบัตร และตราสารหนี้รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ 77.81% , พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 0.75% รวมเป็น 78.56% ส่วนการกระจายการลงทุนนั้นกองทุนในเงินฝากและอื่น ๆ 21.44% และพันธบัตรรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ 78.56% ส่วนผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนประกอบด้วย KOREA MONETARY อยู่ที่ 77.81% , ธนาคารแห่งประเทศไทย 0.75% และธนาคารทิสโก้ 0.02%
ทั้งนี้ กองทุนรวมธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 8 ได้จัดตั้งกองทุนไปเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2551 ที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าเงินทุนโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยกองทุนมีอายุโครงการประมาณ 22 – 24 เดือน และคาดว่าจะครบกำหนดอายุกองทุนในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี นอกจากนี้แล้วกองทุนดังกล่าวยังได้ทำการปิดความเสี่ยงไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนมา ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยในความเสี่ยงได้
