xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนรวม2เดือนขยายตัว4.79% ได้อานิสงส์ดอกเบี้ยลด-บอนด์เกาหลีรีเทิร์น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนรวม 2 เดือนแรก รับเงินไหลเข้ากว่า 6.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 4.79% จากปีก่อน หลังได้อานิสงส์ดอกเบี้ยลด จูงใจลูกค้าฐานเงินฝาก หาผลตอบแทนที่สูงกว่าในกองทุนตราสารหนี้ ที่ความเสี่ยงไม่มาก ขณะเดียวกัน ยังได้กองทุนบอนด์เกาหลีใต้ กลับมาสร้างสีสันอีกครั้ง ส่วนอุตสาหกรรมกองทุนส่วนบุคคล รายงานล่าสุดเดือนมกราคม เงินลงทุนวูบไปกว่า 2 หมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในธุรกิจกองทุนรวมในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา ค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษ โดยในตลาดพบว่าบรรดาบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มีการออกกองทุนใหม่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งจับกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ต้องการความรับเสี่ยงสูงในช่วงภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี ที่จูงใจนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงๆและรับความเสี่ยงได้ ทั้งนี้ ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนบางส่วนมีการโยกเงินลงทุนจากเงินฝากเข้ามาพักไว้ในกองทุนมากขึ้น เห็นได้จากกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เก็ต) เองก็ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยจากการปรับลดดอกเบี้ยล่าสุดลงอีก 0.50% ทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ขยับลงมาอยู่ที่ระดับ 0.50% แล้ว

ในขณะเดียวกัน กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ อย่างพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ก็กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังจากเว้นช่วงไประยะหนึ่งจากความกังวลต่อผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตการเงินโลก ส่วนการลงทุนทางเลือกอย่างกองทุนที่ลงทุนในทองคำ ก็ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับการถดถอยของเศรษฐกิจโลก ทำให้การลงทุนที่ปลอดภัยอย่างทองคำได้รับความสนใจมากขึ้น

ทั้งนี้ จากภาพรวมดังกล่าว ส่งผลให้ธุรกิจกองทุนรวมในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) เปิดเผยถึงตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนรวมในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาว่า มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งสิ้น 1,423,686.41 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นประมาณ 65,012.70 ล้านบาท จากปลายปีที่แล้ว ซึ่งมีสินทรัพย์รวม 1,358,673.70 ล้านบาท โดยจำนวนเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวคิดเป็นอัตราการเติบโตแล้ว 4.79%

สำหรับภาพรวมของบริษัทจัดการกองทุนในอุตสาหกรรม จากกองทุนใหม่ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการโยกเงินเข้ามาหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ส่งผลให้หลายบลจ. มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทจัดการที่มีส่วนแบ่งการตลาด 10 อันดับแรกยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยบลจ.ไทยพาณิชย์ ยังคงมีเงินลงทุนในกองทุนรวมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยสินทรัพย์รวม 320,504.20 ล้านบาท ในขณะที่บลจ.กสิกรไทย ยังตามมาเป็นอันดับ 2 เช่นเดิม ด้วยจำนวนเงินลงทุนรวม 288,219.11 ล้านบาท และอันดับ 3 บลจ.บัวหลวง ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวม 137,046.60 ล้านบาท

อันดับ 4 บลจ.ทหารไทย ซึ่งมีเงินลงทุนรวม 132,368.97 ล้านบาท อันดับ 5. บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีสินทรัพย์รวม 109,099.84 ล้านบาท ตามมาด้วย อันดับ 6. บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวม 104,189.83 ล้านบาท ส่วนอันดับ 7 ได้แก่ บลจ.ธนชาต มีสินทรัพย์รวม 77,625.98 ล้านบาท อันดับ 8.บลจ.ยูโอบี (ไทย) จำกัด ซึ่งมีเงินลงทุนรวม 48,009.57 ล้านบาท อันดับ 9. บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กับสินทรัพย์รวม 46,844.82 ล้านบาท และอันดับ 10. บลจ.อยุธยา ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวม 35,827,14 ล้านบาท

กองทุนส่วนบุคคลวูบ2.1หมื่นล้าน
ด้านรายงานข่าวจากบริษัทผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล เปิดเผยถึงตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบในเดือนมกราคม 2552 ว่า ทั้งอุตสาหกรรมมีเงินลงทุนลดลงรวมกันทั้งสิ้น 21,582.15 ล้านบาท ทำให้เดือนแรกของปี กองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบมีสินทรัพย์รวม 146,694.81 ล้านบาท ลดลงจากจำนวนเงินทั้งระบบ 168,276.96 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา

โดยจากรายงานดังกล่าวพบว่า บริษัทจัดการที่อยู่ในอันดับต้นๆ 5 อันดับแรก ต่างมีสินทรัพย์ลดลงทั้งสิ้น โดยบลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีมาร์เกตแชร์เป็นอันดับ 1 มีสินทรัพย์ลดลงถึง 5,272.42 ล้านบาท อันดับ 2 บลจ.วรรณ มีสินทรัพย์ลดลง 5,058.43 ล้านบาท อันดับ 3.. บลจ.เอ็มเอฟซี สินทรัพย์ลดลงรวมทั้งสิ้น 5,059.43 ล้านบาท อันดับ 4. บลจ.ทิสโก้ สินทรัพย์ลดลง 4,553.70 ล้านบาท และอันดับ 5.บลจ.ไอเอ็นจี มีสินทรัพย์ลดลงรวมกันกว่า 579.77 ล้านบาท

นางหัสวรา แสงรุจิ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดผู้ลงทุนสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่เงินลงทุนของบริษัทลดลงดังกล่าว เป็นผลมาจากพอร์ตของนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่รายหนึ่งครบกำหนดอายุการลงทุน ซึ่งเงินลงทุนที่ครบกำหนดดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าจะออกไปจากอุตสาหกรรม เพราะหลังจากนี้ บริษัทจะยื่นให้สถาบันดังกล่าว พิจารณาคัดเลือกเป็นผู้จัดการกองทุนต่อ ส่วนการที่บลจ.อื่นมีสินทรัพย์ลดลงด้วยนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นการครบอายุเช่นเดียวกันหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เกิดวิกฤต ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ของกองทุนส่วนบุคคลบ้างในแง่ของเอ็นเอวีที่ลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนจะถอนเงินออกไป เนื่องจากนักลงทุนเหล่านี้ ค่อนข้างเข้าใจความผันผวนที่เกิดขึ้น ซึ่งในภาวะเช่นนี้ กองทุนก็มีทางเลือกให้ลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เอกชน เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น