ASTVผู้จัดการรายวัน – บลจ. บีที เผย ได้ฤกษ์ขายกองรวมอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดยื่นขอ ก.ล.ต. พิจารณา คาดเปิดขายได้มีนาคมนี้ พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 มนตรี สโตร์เรจ” แย้มหลังไตรมาส 2 เตรียมออกตั้งพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์กองใหม่ ประเภทธุรกิจโรงแรม
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทมีแผนที่จะเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ และต้องมีการชะลอการเปิดขายออกไปเนื่องจากว่าประสบกับปัญหาทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้กองทุนต้องเลื่อนการขายออกไป ทั้งนี้ เมื่อภาวะทางการเมืองเรื่องคลี่คลายรวมถึงรัฐบาลเริ่มมีนโยบายการบริหารงานที่ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ (101 Storage Property Fund หรือ STOR) ใหม่อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ภายในเดือนมีนาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กองทุนกำลังอยู่ในระหว่างการอนุมัติทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และรอวันที่จะกำหนดไอพีโออยู่ นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวได้ทำการปรับเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วเป็น กองทุรวมรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 มนตรี สโตร์เรจ (101 Montri Storage Property Fund หรือ MONTRI)
สำหรับกองทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ ที่คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงเดือนมีนาคม นี้ เป็นสินทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนเนื้อที่กว่า 39 ไร่ ด้วยมูลค่าโครงการ 603 ล้านบาท สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้จะลงทุนในอาคารรับฝากสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนแรกของไทย โดยจะประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 6 ปีแรก ในอัตราไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 7 ต่อปีโดยมีการค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนของกองทุนจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
"ในปีนี้ถึงแม้ว่ายังคงมีปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจจะมียังคงไม่นิ่ง แต่คาดว่าจะไม่มีความรุนแรงมากเหมือนปีที่ผ่านมา และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงไปได้ เพราะจะเห็นได้ว่าในปีนี้ ผู้จัดการกองทุนต่าง ๆ ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาสู้กันตั้งแต่ต้นปี หลังจากที่อัดอั้นเก็บไว้ในปีที่ผ่านมาทำให้ไม่ได้ออกกองทุนใหม่ ๆ มากนัก เช่นเดียวกับ บลจ. บีที ที่ก่อนหน้านี้มีแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แต่ต้องมาเจอกับปัญหาทางการเมืองทำให้ต้องชะงักเลื่อนการขายออกไปเช่นเดียวกัน" นายนกุล กล่าว
นายนกุล กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสองของปีนี้บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์กองทุนที่สองต่อเนื่องกันไป โดยสินทรัพย์ที่จะเลือกลงทุนนั้น จะเป็นธุรกิจประเภทโรงแรม ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ทั้งที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และสมุย โดยในเบื้องต้น กองทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 500 – 700 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวเป็นคนในประเทศมากกว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศ สาเหตุที่ต้องเลือกการลงทุนเช่นนี้ เนื่องจากว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบกับปัญหาในประเทศมากมาย ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติยังขาดความเชื่อมั่นอยู่ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา โดยคืบหน้าไปแล้วกว่า 80%
ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ จะเป็นนักลงทุนที่มีฐานะและสามารถซื้อสะสมไว้เก็งกำไรได้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่าราคาที่ดิน ราคาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน มีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับนักลงทุนสมัยใหม่ การเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนเปิดบีที FIF เกาหลี ตราสารหนี้ 3/2 และกองทุนเปิดบีที FIF เกาหลี ตราสารหนี้ 9/4 ซึ่งได้ทำการเปิดขายแล้วตั้งแต่วันนี้ – 9 มีนาคม 2552 โดยทั้ง 2 กองทุนมีมูลค่ากองทุนละ 1,400 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิดบีที FIF เกาหลี ตราสารหนี้ 3/2 มีอายุโครงการ 3 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 2% กว่า ส่วนกองทุนเปิดบีที FIF เกาหลี ตราสารหนี้ 9/4 มีอายุโครงการ 9 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 4% กว่า ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะทำการเปิดขายและประชาสัมพันธ์ผ่านทางธนาคารไทยธนาคาร (แบงก์แม่) และบลจ. บีทีเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้กว่า 800 – 1,000 ล้านบาท
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทมีแผนที่จะเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ และต้องมีการชะลอการเปิดขายออกไปเนื่องจากว่าประสบกับปัญหาทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้กองทุนต้องเลื่อนการขายออกไป ทั้งนี้ เมื่อภาวะทางการเมืองเรื่องคลี่คลายรวมถึงรัฐบาลเริ่มมีนโยบายการบริหารงานที่ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ (101 Storage Property Fund หรือ STOR) ใหม่อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ภายในเดือนมีนาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กองทุนกำลังอยู่ในระหว่างการอนุมัติทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และรอวันที่จะกำหนดไอพีโออยู่ นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวได้ทำการปรับเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วเป็น กองทุรวมรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 มนตรี สโตร์เรจ (101 Montri Storage Property Fund หรือ MONTRI)
สำหรับกองทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ ที่คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงเดือนมีนาคม นี้ เป็นสินทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนเนื้อที่กว่า 39 ไร่ ด้วยมูลค่าโครงการ 603 ล้านบาท สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้จะลงทุนในอาคารรับฝากสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนแรกของไทย โดยจะประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 6 ปีแรก ในอัตราไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 7 ต่อปีโดยมีการค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนของกองทุนจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
"ในปีนี้ถึงแม้ว่ายังคงมีปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจจะมียังคงไม่นิ่ง แต่คาดว่าจะไม่มีความรุนแรงมากเหมือนปีที่ผ่านมา และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงไปได้ เพราะจะเห็นได้ว่าในปีนี้ ผู้จัดการกองทุนต่าง ๆ ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาสู้กันตั้งแต่ต้นปี หลังจากที่อัดอั้นเก็บไว้ในปีที่ผ่านมาทำให้ไม่ได้ออกกองทุนใหม่ ๆ มากนัก เช่นเดียวกับ บลจ. บีที ที่ก่อนหน้านี้มีแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แต่ต้องมาเจอกับปัญหาทางการเมืองทำให้ต้องชะงักเลื่อนการขายออกไปเช่นเดียวกัน" นายนกุล กล่าว
นายนกุล กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสองของปีนี้บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์กองทุนที่สองต่อเนื่องกันไป โดยสินทรัพย์ที่จะเลือกลงทุนนั้น จะเป็นธุรกิจประเภทโรงแรม ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ทั้งที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และสมุย โดยในเบื้องต้น กองทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 500 – 700 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวเป็นคนในประเทศมากกว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศ สาเหตุที่ต้องเลือกการลงทุนเช่นนี้ เนื่องจากว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบกับปัญหาในประเทศมากมาย ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติยังขาดความเชื่อมั่นอยู่ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา โดยคืบหน้าไปแล้วกว่า 80%
ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ จะเป็นนักลงทุนที่มีฐานะและสามารถซื้อสะสมไว้เก็งกำไรได้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่าราคาที่ดิน ราคาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน มีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับนักลงทุนสมัยใหม่ การเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนเปิดบีที FIF เกาหลี ตราสารหนี้ 3/2 และกองทุนเปิดบีที FIF เกาหลี ตราสารหนี้ 9/4 ซึ่งได้ทำการเปิดขายแล้วตั้งแต่วันนี้ – 9 มีนาคม 2552 โดยทั้ง 2 กองทุนมีมูลค่ากองทุนละ 1,400 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิดบีที FIF เกาหลี ตราสารหนี้ 3/2 มีอายุโครงการ 3 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 2% กว่า ส่วนกองทุนเปิดบีที FIF เกาหลี ตราสารหนี้ 9/4 มีอายุโครงการ 9 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 4% กว่า ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะทำการเปิดขายและประชาสัมพันธ์ผ่านทางธนาคารไทยธนาคาร (แบงก์แม่) และบลจ. บีทีเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้กว่า 800 – 1,000 ล้านบาท