xs
xsm
sm
md
lg

MFC ปัดทำผิดกฎ กลต.ถูกฟ้องไม่กระทบกองทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.เอ็มเอฟซี ปัดเอี่ยว”บ.นิชดา” แอบต้อนลูกค้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่น ระบุเป็นเรื่องความต้องการส่วนตัวของผู้เช่า ยืนยันทำตามหนังสือชี้ชวน และกฎ ก.ล.ต.ในการจัดตั้งกองทุนทุกขั้นตอน ขณะเดียวกัน ตอกกลับคนฟ้องสับสน ดูรายชื่อผู้เช่าในหนังสือชี้ชวนผิด อ้างเป็นเพียงภาพรวมในโครงการอื่น ไม่ใช่รีเจน แอทนิชดา แต่อย่างใด

จากกรณีการฟ้องร้องของบริษัท คำสุขพัฒนา ดำเนินการฟ้องร้องคดีต่อบริษัทนิชดาพร็อบเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมกับ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ นิชดาธานี 2 และ บลจ.เอ็มเอฟซี ในการละเมิดเข้าแทรกแซงในทางสัญญาและแย่งลูกค้าผู้เช่ารายประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีผู้เช่าคือกลุ่มครอบครัวเจ้าหน้าที่สถานทูตอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านธารดงเฮอริเทจให้ย้ายไปอยู่ที่โครงการเดอะรีเจนท์แอทนิชดาธานีของบริษัทนิชดาฯใกล้โรงเรียนนานาชาติ ISB หมดทั้งหมู่บ้านจำนวน 36 หลังนั้น

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์(บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ขอกล่าวหาที่ว่ากองทุนรวมนิชดาธานี 2 และบลจ.เอ็มเอฟซี ละเมิดเข้าแทรกแซงในทางสัญญาและแย่งลูกค้าผู้เช่าจากหมู่บ้านธารดงเฮอริเทจนั้น การยกเลิกสัญญาระหว่างผู้เช่าเดิมของหมู่บ้านธารดงเฮอริเทจกับหมู่บ้านธารดง เฮอริเทจ และการที่ผู้เช่าเดิมของหมู่บ้านธารดงเฮอริเทจเข้าทำสัญญาเช่ากับนิชดา เป็นการตัดสินใจของผู้เช่าเดิมของหมู่บ้านธารดงเฮอริเทจเอง โดยที่บริษัทฯ และกองทุนรวมฯ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ต่อการตัดสินใจดังกล่าว

ทั้งนี้ การฟ้องร้องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องทางแพ่ง แต่คงไม่เป็นประเด็นทางกฎหมาย เพราะเป็นสิทธิของลูกค้าซึ่งสามารถบอกเลิกสัญญาได้หากลูกค้าต้องการ และสามารถเลือกได้ว่าจะเช่า หรืออยู่กับบริษัทใด โดยไม่สามารถบังคับกันได้ในเรื่องนี้

ส่วน การกล่าวหาว่า บริษัทฯ ไม่ได้ปฏิบัติตามหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน (“หนังสือชี้ชวน”) โดยข้ามขั้นตอนหาผู้เช่าช่วงก่อนการทำสัญญาเช่ากับบริษัท นิชดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (“นิชดา”)นั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงว่ากองทุนรวมฯ ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนทุกประการ

“นิชดาได้ทำสัญญาเช่ากับกองทุนรวมฯ ก่อนที่สัญญาเช่าช่วงระหว่างบริษัทนิชดา พร็อบเพอร์ตี้กับผู้เช่าช่วงมีผลบังคับใช้ ซึ่งหนังสือ ชี้ชวนดังกล่าวได้ระบุถึงภาพรวมและชื่อผู้เช่าในโครงการนิชดาธานีทั้งหมด ณ วันที่ 13 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นภาพรวมของผู้เช่าที่อยู่ในโครงการย่อยกว่า 20 โครงการ แต่ไม่ได้รวมโครงการรีเจนท์ 1 และ 2 อันเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวมฯ ซึ่งข้อมูลภาพรวมของผู้เช่าดังกล่าวอาจทำให้ผู้กล่าวอ้างเข้าใจผิดได้ว่าบริษัทฯ ได้หาผู้เช่าช่วงสำหรับกองทุนรวมฯ ไว้ก่อนได้”นายพิชิต

นายพิชิต กล่าวอีกว่า บริษัทขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการจัดการให้เป็นไปตามโครงการจัดการกองทุนรวมฯ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 125 (1) ที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างเคร่งครัด และดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน อย่างเต็มที่ทุกประการ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้าระหว่างกองทุนกับบริษัทนิชดา เป็นการซื้อสินทรัพย์ขาด และมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้กองทุนเรียบร้อยแล้ว โดยมีบริษัท นิชดาฯ เป็นผู้เช่าไปบริหารต่อ ซึ่งหากมองในเรื่องความโปร่งใสของคู่ค้า สถิติตลอดระยะเวลา 4 ปีกับ 3 โครงการที่ผ่านมามีการปฏิบัติตามสัญญาทุกประการ และไม่มีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้น

นอกจากนี้ การดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของโครงการเดอะรีเจนท์ที่ผ่านมามีการทำนิติกรรมที่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยเวลาพิจารณาเข้าร่วมลงทุน บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะทางกฎหมายของทรัพย์สินที่จะลงทุนอย่างละเอียด ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีข้อพิพาทใดๆ ไม่ว่าจะทางแพ่งหรือทางอาญา

“ตอนทำดีลเราจะไม่คอยเห็นว่าเขามีเรื่องฟ้องร้องกับใคร จะดูในเรื่องของเครดิตมากกว่าและสัญญาก็ทำกันชัดเจน และลูกค้าที่ว่าก็มีอยู่ในเงื่อนไขของสัญญาที่ทำกันไว้ตั้งแต่ต้น ก่อนที่จะมีการนำเสนอขายกองทุนแก่ลูกค้าทั่วไป”นายพิชิตกล่าว

นายพิชิต กล่าวอีกว่า เรื่องที่กองทุนรวมฯ จะต้องดำเนินการจดทะเบียนการเช่าที่ดินและบ้านพักทั้งหมดก่อนที่ นิชดาจะนำไปหาผู้เช่าช่วงต่อไปนั้น ปรากฎว่าไม่ข้อผูกพันใดๆ ที่กำหนดให้กองทุนรวมฯ จะต้องจดทะเบียนการเช่าให้กับนิชดาก่อน อีกทั้งกฎหมายมิได้กำหนดให้กองทุนรวมฯ จะต้องดำเนินการจดทะเบียนการเช่าก่อน เพื่อให้สิทธินิชดาในการนำทรัพย์สินที่เช่าไปเช่าช่วงต่อ

“ข้อกล่าวอ้างที่นายณกฤช เศวตนันท์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจของบริษัท คำสุขพัฒนา จำกัด จึงเป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ซึ่งตามแนวทางในการบริหารจัดการกองทุนรวมฯ กองทุนรวมฯ ตกลงให้นิชดาเป็นผู้เช่าตรงกับกองทุนรวมฯ และเป็นผู้รับผิดชอบค่าเช่าทั้งหมดตลอดระยะเวลาการเช่า โดยนิชดาเป็นผู้ดำเนินการหา ผู้เช่าช่วงต่อเอง”นายพิชิตกล่าว

อย่างไรก็ตามในส่วนที่ หากมีการฟ้องร้องกับสถานทูตเรื่องสัญญาคงจะไม่มีผลกระทบต่อผลตอบแทนของกองทุนเพราะมีการันตีผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอยู่แล้ว โดยบริษัทยืนยันว่ากองทุนรวมฯ สามารถดำเนินการใดๆ ต่อทรัพย์สินของกองทุนรวมฯ ได้ตามปกติ และไม่กระทบถึงสิทธิ รวมทั้งผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนที่ระบุไว้ในรายละเอียดโครงการแต่อย่างใด

สำหรับที่มาของการฟ้องร้องครั้งนี้ เนื่องจากนายณกฤช เศวตนันทน์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจของบริษัท คำสุขพัฒนา ได้ออกมาเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีต่อบริษัทนิชดาพร็อบเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมกับ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ นิชดาธานี 2 และ บลจ.เอ็มเอฟซี เพราะละเมิดเข้าแทรกแซงในทางสัญญาและแย่งลูกค้าผู้เช่ารายประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีผู้เช่าคือกลุ่มครอบครัวเจ้าหน้าที่สถานทูตอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านธารดงเฮอริเทจให้ย้ายไปอยู่ที่โครงการเดอะรีเจนท์แอทนิชดาธานีของบริษัทนิชดาฯใกล้โรงเรียนนานาชาติ ISB หมดทั้งหมู่บ้านจำนวน 36 หลัง

ทั้งนี้ ได้มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การเข้าแทรกแซงในทางสัญญาในครั้งนี้ เป็นไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของโครงการที่ยื่นไว้กับก.ล.ต. ซึ่งยังมิทันจะได้จดทะเบียนสัญญาเช่าดังกล่าวแต่กลับทำข้ามขั้นตอนโดยรีบไปแย่งลูกค้าผู้เช่าของบริษัทคำสุขพัฒนา มาไว้ในหมู่บ้านของตนเองเสียก่อนเพราะเกรงว่าหากทำตามขั้นตอนของโครงการที่ได้ยื่นไว้กับ ก.ล.ต. แล้วอาจใช้เวลาและหาผู้เช่าช่วงบ้านไม่ได้

นอกจากนี้ กองทุนฯยังมีพฤติกรรมเสนอข้อมูลข่าวสารให้ข่าวผู้สนใจที่จะซื้อหน่วยลงทุนเข้าใจว่าจะมีผู้เช่ารายใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตประเทศสหรัฐอเมริกาจะย้ายเข้ามาอยู่ในโครงการก่อนหน้าที่จะมีการเซ็นสัญญาเช่าเกิดขึ้นจริง ถือเป็นเรื่องที่ทั้งบริษัทนิชดาฯ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นี้ และ บลจ.เอ็มเอฟซีร่วมกันละเมิดโดยแย่งลูกค้าผู้เช่าของโจทก์มาไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายขาดรายได้จากค่าเช่า ซึ่งเดิมบริษัทคำสุขพัฒนามีสัญญาเช่าและคำมั่นว่าจะเช่าจากประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 9 ปี รวมทั้งค่าเสียหายในทางการเงิน และ ความเสียหายในด้านชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ ทั้งหมดรวมเป็นเงิน 670 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 15%ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยศาลนัดวันที่ 27 เมษายน ที่จะถึงนี้

ส่วนการฟ้องร้องทางอาญา นายณกฤช กล่าวว่า ได้ฟ้องบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1 นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการเป็นจำเลยที่ 2 ในความผิดทางอาญาต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยคำฟ้องได้กล่าวว่า จำเลยทั้ง 2 มิได้จัดให้เป็นไปตามโครงการจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อย่างเคร่งครัด

“ก่อนหน้านี้มีอีกคดีหนึ่งซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้ประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะคู่สัญญาเช่า และ เป็นผู้คัดค้านในคดีปฎิบัติตามสัญญาเช่ากับคำมั่นว่าจะเช่าระยะยาวมีกำหนด 9 ปีต่อไปพร้อมทั้งให้ชำระค่าเช่าที่ยังค้างอยู่และให้ชดใช้ค่าเสียหาย”ทนายความผู้รับมอบอำนาจของบริษัทผู้เสียหายกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น