บลจ. บีที ปรับแผนรุกกองทุนมันนีมาร์เก็ต หลังความเสี่ยงในตลาด ดึงนักลงทุนมองหาความปลอดภัย ชูให้ผลตอบเด่นกว่าเงินฝากแบงก์ เผยผลงาน "ไทยเดลี่ตราสารหนี้" ย้อนหลัง 1 ปียังสูงที่ 2.89% ส่วนกลยุทธ์กองทุนหุ้น ยังคงระมัดระวัง และเน้นลงทุนหุ้นพลังงานเป็นหลัก
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด ประเมินการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกว่า จากสถานการณ์การลงทุนที่ยังมีความผันผวนอยู่นั้น มองว่าหลาย ๆ บลจ. ต่างเน้นการลงทุนในประเภทกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เก็ต) มากขึ้น เนื่องจากกองทุนดังกล่าวมีสภาพคล่องสูง สามารถทำการซื้อขายได้ทุกวัน รวมถึงกองทุนดังกล่าวยังเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำและปลอดภัยกว่าการลงทุนในหุ้นที่ยังคงมีความผันผวนอยู่ ทั้งนี้ สาเหตุที่หลายบลจ. ต่างเน้นหนักมายังกองทุนมันนีมาร์เก็ต เนื่องจากว่าปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากธนาคารประเภท 3 เดือน 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 0.2 - 1% เท่านั้น เมื่อเทียบกับกองทุนรวมมันนีมาร์เก็ตจะให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 1.6 - 2%
สำหรับกองทุนมันนีมาร์เก็ตของบริษัทเอง ถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งกองทุนไทยเดลี่ตราสารหนี้ ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.22% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.78% ย้อนหลัง 3 เดือน 2.71% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 2.71% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 13.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.97% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 17.50% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.89% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 7.39%
"กองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยง และต้องการโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากว่าฝากเงินออมทรัพย์ หรือต้องการพักเงินในระยะสั้น เพื่อรอการลงทุนหรือรอดูสภาวะการลงทุน และสามารถซื้อเพิ่ม หรือขายคืนได้ทุกวันโดยไม่มีการกำหนดระยะเวลาของการลงทุนด้วย" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส่วนการบริหารกองทุนหุ้นของบริษัทขณะนี้ คาดว่ายังคงมีความเสี่ยงและความผันผวนในตลาดหุ้นที่ยังไม่นิ่งมากนัก ดังนั้น การลงทุนยังคงต้องระมัดระวังในการลงทุนและคัดสรรหุ้นตัวที่คิดว่าน่าจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ซึ่งกลุ่มที่บริษัทให้ความสำคัญและลงทุนมากเป็นพิเศษยังคงเป็นกลุ่มพลังงาน เป็นหลัก และส่วนที่เหลือก็ถือเป็นเงินสดเพื่อรอดูจังหวะที่เหมาะสมในการลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ กองทุนหุ้นที่บริษัทบริหารจัดการอยู่มีด้วยกันทั้งสิ้น 4 กองทุน โดยกองทุนผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาว ซึ่งให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.18% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.24% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.62% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -4.00% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -33.59% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -34.30% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -32.28% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -44.08%
กองทุนเปิดไลฟ์ หุ้นระยะยาว ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.65% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -10.20% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -36.14% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -37.03% กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.05% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.60% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -33.55% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -35.28% และ กองทุนเปิดบีที หุ้น ทาร์เก็ต 15/1 ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.35% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.40% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -34.68% ทั้งนี้เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้วัดผลตอแทนทั้ง 4 กองทุนจะใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันกับกองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาว
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด ประเมินการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกว่า จากสถานการณ์การลงทุนที่ยังมีความผันผวนอยู่นั้น มองว่าหลาย ๆ บลจ. ต่างเน้นการลงทุนในประเภทกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เก็ต) มากขึ้น เนื่องจากกองทุนดังกล่าวมีสภาพคล่องสูง สามารถทำการซื้อขายได้ทุกวัน รวมถึงกองทุนดังกล่าวยังเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำและปลอดภัยกว่าการลงทุนในหุ้นที่ยังคงมีความผันผวนอยู่ ทั้งนี้ สาเหตุที่หลายบลจ. ต่างเน้นหนักมายังกองทุนมันนีมาร์เก็ต เนื่องจากว่าปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากธนาคารประเภท 3 เดือน 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 0.2 - 1% เท่านั้น เมื่อเทียบกับกองทุนรวมมันนีมาร์เก็ตจะให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 1.6 - 2%
สำหรับกองทุนมันนีมาร์เก็ตของบริษัทเอง ถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งกองทุนไทยเดลี่ตราสารหนี้ ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.22% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.78% ย้อนหลัง 3 เดือน 2.71% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 2.71% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 13.48% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.97% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 17.50% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.89% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 7.39%
"กองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยง และต้องการโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากว่าฝากเงินออมทรัพย์ หรือต้องการพักเงินในระยะสั้น เพื่อรอการลงทุนหรือรอดูสภาวะการลงทุน และสามารถซื้อเพิ่ม หรือขายคืนได้ทุกวันโดยไม่มีการกำหนดระยะเวลาของการลงทุนด้วย" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส่วนการบริหารกองทุนหุ้นของบริษัทขณะนี้ คาดว่ายังคงมีความเสี่ยงและความผันผวนในตลาดหุ้นที่ยังไม่นิ่งมากนัก ดังนั้น การลงทุนยังคงต้องระมัดระวังในการลงทุนและคัดสรรหุ้นตัวที่คิดว่าน่าจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ซึ่งกลุ่มที่บริษัทให้ความสำคัญและลงทุนมากเป็นพิเศษยังคงเป็นกลุ่มพลังงาน เป็นหลัก และส่วนที่เหลือก็ถือเป็นเงินสดเพื่อรอดูจังหวะที่เหมาะสมในการลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ กองทุนหุ้นที่บริษัทบริหารจัดการอยู่มีด้วยกันทั้งสิ้น 4 กองทุน โดยกองทุนผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาว ซึ่งให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.18% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -1.24% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.62% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -4.00% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -33.59% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -34.30% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -32.28% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -44.08%
กองทุนเปิดไลฟ์ หุ้นระยะยาว ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.65% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -10.20% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -36.14% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -37.03% กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.05% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.60% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -33.55% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -35.28% และ กองทุนเปิดบีที หุ้น ทาร์เก็ต 15/1 ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.35% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.40% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -34.68% ทั้งนี้เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้วัดผลตอแทนทั้ง 4 กองทุนจะใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันกับกองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาว
