xs
xsm
sm
md
lg

‘บีที’ลั่นปี52รุกกองทุนสำรองฯ เตรียมเข็น‘Cash Fund’ลงตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. บีที เปิดแผนปี 52 ไตรมาสแรก เตรียมรุกตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จัดตั้งในลักษณะ Master Fund เพื่อเป็นทางเลือกให้สมาชิกสามารถลงทุนตามนโยบายที่เหมาะสมกับตนเอง พร้อมเตรียมออก Cash Fund ตอบสนองต่อความต้องการนักลงทุน ส่วนไตรมาส 2 ออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทธุรกิจโรงแรมเพิ่มอีก 1 กองทุน ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้า
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยถึง แผนการดำเนินงานปี 2552 ในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพว่า บลจ.บีที ยังคงมุ่งที่จะขยายฐานลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยเน้นหน่วยงาน องค์กร ขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ซึ่งในไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 ทาง บริษัทจะมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในลักษณะ Master Fund เพื่อเป็นทางเลือกให้สมาชิกสามารถเลือกการลงทุนตามนโยบายที่เหมาะสมกับตนเอง (Employee‘s Choice) คือในภาวะดอกเบี้ยขาลง ผู้จัดการกองทุนจะพยายามจัดตะกร้าการลงทุนในลักษณะล็อกผลตอบแทนที่ระดับสูง ผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางที่ผลตอบแทนค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ในปี 2552 นอกจากจะขยายฐานลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว บริษัทยังเตรียมออกนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ เพื่อทดแทนรูปแบบการออมดั้งเดิม เช่น กองทุนที่มีสภาพคล่องสูงในลักษณะ Cash Fund อย่างเช่นกองทุน TF-Daily เพื่อสนองต่อความต้องการของนักลงทุน ที่ต้องการรูปแบบการลงทุนที่มีลักษณะใกล้เคียงกับการฝากออมทรัพย์ ซึ่งมีสภาพคล่องสูง แต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าออมทรัพย์

“สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในแบบที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ทาง บริษัทได้เตรียมออกกองทุน ตราสารหนี้ในประเทศ ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดย ร้อยละ 45 จะลงทุนในเงินฝาก และส่วนที่เหลือ จะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ ซึ่งกองทุนดังกล่าว นอกจากจะมีความปลอดภัยแล้ว ยังจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำเช่นกัน” นายอนุสรณ์ กล่าว

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ด้วยระดับเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเงินฝาก ทำให้การลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้มีผลตอบแทนแพ้เงินเฟ้อ ดังนั้นบลจ.บีที จะนำเสนอกองทุนประเภทประกันเงินต้น โดยผลตอบแทนอิงกับดัชนีที่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุน

นอกจากนี้แล้วในช่วงไตรมาส 2 ของปี บริษัทเตรียมออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นประเภทโรงแรมอีก 1 กองทุน โดยจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 500 - 700 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นธุรกิจโรงแรมที่อยู่ทางภาคใต้ แต่จะเป็นโรงแรมที่เน้นนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลักมากกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สาเหตุที่ต้องเน้นนักลงทุนในประเทศนั้นเนื่องจากว่า นักลงทุนต่างประเทศยังไม่มั่นใจในประเทศไทยกับภาวะทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่าน ดังนั้นบริษัทจึงเลือกโรงแรมที่เน้นเฉพาะนักลงทุนในประเทศเป็นหลักก่อน ซึ่งล่าสุดโครงการดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการติดต่อพิจารณาไปแล้วกว่า 60%

“ในปีหน้านี้ บริษัทจะขยายธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน ไม่ต่ำกว่า 6-8% ต่อปี ในอัตราสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวยังได้รับค้ำประกันโดยธนาคารพาณิชย์ในช่วงเวลา 3-5 ปี เพื่อลดความเสี่ยง ดังนั้นผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้จำกัด และต้องการลงทุนในรูปแบบรักษาเงินต้น จึงควรเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองอสังหาริมทรัพย์ในตะกร้าการลงทุนด้วย”

ทั้งนี้ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น บลจ.บีที เน้นออกกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ และกองทุนในลักษณะโครงสร้างที่อ้างอิงกับดัชนีต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ ส่วนผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนไปทั่วโลก บริษัทได้ใช้ความพยายาม ด้วยกำลังบุคลากรที่มีอยู่ สร้างความเข้าใจแก่ลูกค้า ต่อวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้คลายความกังวลลง พร้อมๆกับการให้คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับภาวะตลาด และการลงทุนที่ผันผวนในปัจจุบัน ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนชดเชยในส่วนที่เสียไป โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนมากนัก การดำเนินการเช่นนี้ ถือเป็นการวางแผนการลงทุนแบบจัดตะกร้าหรือ Portfolio Investment Planning ซึ่งเจ้าหน้าที่บลจ.บีทีกระทำไปพร้อมๆกับเสนอขายหรือให้คำแนะนำ ซึ่งจะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผู้ลงทุน โดยมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงตรงความคาดหมายมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น