บลจ. บัวหลวง ส่งกองทุนรวมบัวหลวงธนสาร 1/08 ลุยตลาดตราสารหนี้ เน้นลงทุนตราสารการเงินที่ออกโดยสถาบันการเงินในประเทศไทยระยะสั้น 2-3 เดือน โชว์ผลตอบแทน 3.3% ต่อปี จับกลุ่มลูกค้าแบงก์ หลังพ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝากเริ่มมีผลบังคับใช้ใ เปิดขายไอพีโอถึง 13 สิงหาคมนี้
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ พ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝากเริ่มมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ ส่งให้ธนาคารพาณิชย์ต่างออกแคมเปญเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นจากแต่เดิม เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้ฝากธนาคารมากยิ่งขึ้น ก่อนที่นักลงทุนจะกระจายการลงทุนออกไปในรูปแบบอื่น อีกทั้งยังเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ด้วย
ล่าสุดบริษัทได้เปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนสาร 1/08 (Bualuang Thanasarn 1/08 หรือ BT1/08) ที่สามารถให้ผลตอบแทนกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคาร ทั้งนี้กองทุนถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 2 เดือน ไม่เกิน 3 เดือนนับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม โดยให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.3% ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท และสามารถเสนอขายได้อีกไม่เกิน 1,200 ล้านบาท เปิดขายครั้งแรกวันที่ 6- 13 สิงหาคม 2551
นายวศินกล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจัดตั้งเพื่อระดมเงินจากผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลไปลงทุนใน ตราสารแห่งหนี้ของสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงและเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกองทุนอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนตราสารแห่งหนี้กับสถาบันการเงินได้ตลอดอายุของโครงการ
ทั้งนี้ กองทุน BT1/08 เน้นลงทุนในตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ ตราสารหนี้ที่ออกรับรองรับอาวัลค้ำประกันโดยธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน หรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนที่ดี ส่วนที่เหลือกองทุนอาจลงทุนในเงินฝาก ตราสารภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหรือการทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้กับสถาบันการเงิน และหรืออาจลงทุนในหลักทรัพย์และหรือทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้ลงทุนได้ ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
“สาเหตุที่ต้องออกทุน กองทุนรวมบัวหลวงธนสาร 1/08 นั้น เนื่องจากแบงก์พาณิชย์เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงต้องออกมา แต่เป็นช่วงระยะสั้น ๆ เพื่อ 2 – 3 เดือน เท่านั้น” นาย วศิน กล่าว
นายวศิน กล่าวว่า สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 22/08 ที่เปิดขายไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2551 กองทุนดังกล่าวสามารถปิดยอดขายได้กว่า 167 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นนักลงทุนฐานกลุ่มเดิม และมีกลุ่มใหม่บ้างที่เข้ามาลงทุน ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทน ให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.50% ต่อปี
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ พ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝากเริ่มมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ ส่งให้ธนาคารพาณิชย์ต่างออกแคมเปญเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นจากแต่เดิม เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้ฝากธนาคารมากยิ่งขึ้น ก่อนที่นักลงทุนจะกระจายการลงทุนออกไปในรูปแบบอื่น อีกทั้งยังเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ด้วย
ล่าสุดบริษัทได้เปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนสาร 1/08 (Bualuang Thanasarn 1/08 หรือ BT1/08) ที่สามารถให้ผลตอบแทนกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคาร ทั้งนี้กองทุนถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 2 เดือน ไม่เกิน 3 เดือนนับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม โดยให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.3% ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท และสามารถเสนอขายได้อีกไม่เกิน 1,200 ล้านบาท เปิดขายครั้งแรกวันที่ 6- 13 สิงหาคม 2551
นายวศินกล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจัดตั้งเพื่อระดมเงินจากผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลไปลงทุนใน ตราสารแห่งหนี้ของสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงและเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกองทุนอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนตราสารแห่งหนี้กับสถาบันการเงินได้ตลอดอายุของโครงการ
ทั้งนี้ กองทุน BT1/08 เน้นลงทุนในตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ ตราสารหนี้ที่ออกรับรองรับอาวัลค้ำประกันโดยธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน หรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนที่ดี ส่วนที่เหลือกองทุนอาจลงทุนในเงินฝาก ตราสารภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหรือการทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้กับสถาบันการเงิน และหรืออาจลงทุนในหลักทรัพย์และหรือทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้ลงทุนได้ ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
“สาเหตุที่ต้องออกทุน กองทุนรวมบัวหลวงธนสาร 1/08 นั้น เนื่องจากแบงก์พาณิชย์เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงต้องออกมา แต่เป็นช่วงระยะสั้น ๆ เพื่อ 2 – 3 เดือน เท่านั้น” นาย วศิน กล่าว
นายวศิน กล่าวว่า สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 22/08 ที่เปิดขายไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2551 กองทุนดังกล่าวสามารถปิดยอดขายได้กว่า 167 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นนักลงทุนฐานกลุ่มเดิม และมีกลุ่มใหม่บ้างที่เข้ามาลงทุน ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทน ให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.50% ต่อปี