บลจ.บัวหลวง คลอด "บัวหลวงธนรัฐ 4/09" เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลภายในประเทศ ชูยิลด์ประมาณการ 1.% กว่าต่อปี เสนอขายช่วง IPO แล้ววันนี้ ถึง 23 กุมภาพันธ์นี้ หวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้นักลงทุนช่วงดอกเบี้ยลด
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างเสนอขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 4/09 (B4/09) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 4 - 6 เดือน ซึ่งกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ โดยจะเริ่มเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 17-23 กุมภาพันธ์ 2552 และคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 1.00%กว่าต่อปี
ทั้งนี้กองทุนเหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคงสูง และความเสี่ยงต่ำ โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น และเงินส่วนนี้จะต้องอยู่ในกองทุนเป็นระยะเวลาเท่ากับอายุกองทุน โดยลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน
โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยหรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นด้วยการทำธุรกรรมการซื้อตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงิน โดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้ดังกล่าวตามวันที่กำหนดในสัญญา แต่จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ( Derivatives ) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ( Structured Note ) ซึ่งกองทุนดังกล่าว
"กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักลงทุน ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการนำเงินไปฝากยังธนาคาร อีกทั้งกองทุนรวมในซีรีส์บัวหลวงธนรัฐ ทุก ๆ กองทุนที่บริษัทออกมาเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น โดยกำหนดระยะเวลาการลงทุน 6 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งกองทุนรวมธนรัฐของบริษัทต่างได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องมาตลอด" นายวศิน กล่าว
ก่อนหน้านี้ บลจ.บัวหลวง ได้เปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 3/09 (B3/09) ไปเมื่อวันที่ 3 - 11 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา โดยมียอดจองอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนประมาณอยู่ที่ 1.3% ต่อปี ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามา จะเป็นนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนที่เป็นฐานลูกค้าเดิมของทางธนาคารกรุงเทพ (แบงก์แม่) รวมถึงนักลงทุนของบลจ. บัวหลวง และนักลงทุนรายใหม่ ๆ ด้วย
นายวศินกล่าวว่า จากการที่บริษัทได้เปิดขายกองทุน B3/09 ไปนั้นถือว่ายังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากว่านักลงทุนต่างแห่เข้าไปลงทุนในกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีกันเป็นจำนวนมาก สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีเองสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่านั้นเอง อย่างไรก็ตามกองทุนซีรีย์ธนรัฐเองบริษัทก็มีแผนที่จะออกขายในทุก ๆ เดือน เพื่อเป็นการลองรับกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างเสนอขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 4/09 (B4/09) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 4 - 6 เดือน ซึ่งกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ โดยจะเริ่มเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 17-23 กุมภาพันธ์ 2552 และคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 1.00%กว่าต่อปี
ทั้งนี้กองทุนเหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคงสูง และความเสี่ยงต่ำ โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น และเงินส่วนนี้จะต้องอยู่ในกองทุนเป็นระยะเวลาเท่ากับอายุกองทุน โดยลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน
โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยหรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นด้วยการทำธุรกรรมการซื้อตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงิน โดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้ดังกล่าวตามวันที่กำหนดในสัญญา แต่จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ( Derivatives ) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ( Structured Note ) ซึ่งกองทุนดังกล่าว
"กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักลงทุน ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการนำเงินไปฝากยังธนาคาร อีกทั้งกองทุนรวมในซีรีส์บัวหลวงธนรัฐ ทุก ๆ กองทุนที่บริษัทออกมาเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น โดยกำหนดระยะเวลาการลงทุน 6 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งกองทุนรวมธนรัฐของบริษัทต่างได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องมาตลอด" นายวศิน กล่าว
ก่อนหน้านี้ บลจ.บัวหลวง ได้เปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 3/09 (B3/09) ไปเมื่อวันที่ 3 - 11 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา โดยมียอดจองอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนประมาณอยู่ที่ 1.3% ต่อปี ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามา จะเป็นนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนที่เป็นฐานลูกค้าเดิมของทางธนาคารกรุงเทพ (แบงก์แม่) รวมถึงนักลงทุนของบลจ. บัวหลวง และนักลงทุนรายใหม่ ๆ ด้วย
นายวศินกล่าวว่า จากการที่บริษัทได้เปิดขายกองทุน B3/09 ไปนั้นถือว่ายังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากว่านักลงทุนต่างแห่เข้าไปลงทุนในกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีกันเป็นจำนวนมาก สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีเองสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่านั้นเอง อย่างไรก็ตามกองทุนซีรีย์ธนรัฐเองบริษัทก็มีแผนที่จะออกขายในทุก ๆ เดือน เพื่อเป็นการลองรับกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น