xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.บีทีลุยแผนกองอสังหาฯต่อ เข็น2โครงการเปิดขายในครึ่งปีแรก2552

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ. บีที เดินหน้าแผนเจาะตลาดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่อไป ล่าสุดเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนคลังสินค้าอีกรอบในไตรมาส1 ปีหน้า ส่วนไตรมาส 2 เตรียมกองโรงแรมออกมานำเสนอผู้ลงทุนเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเจอมรสุมเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ยืนยันทั้งสองกองทุนให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 6-8% ต่อปี ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีนี้สั่งพนักงานเน้นหนักปั๊มยอดขายแอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ

นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับแผนงานในปีหน้าช่วงไตรมาส 2 ของปีบริษัทเตรียมออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นประเภทโรงแรมอีก 1 กองทุน โดยจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 500 - 700 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นธุรกิจโรงแรมที่อยู่ทางภาคใต้ แต่จะเป็นโรงแรมที่เน้นนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลักมากกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สาเหตุที่ต้องเน้นนักลงทุนในประเทศนั้นเนื่องจากว่า นักลงทุนต่างประเทศยังไม่มั่นใจในประเทศไทยกับภาวะทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่าน ดังนั้นบริษัทจึงเลือกโรงแรมที่เน้นเฉพาะนักลงทุนในประเทศเป็นหลักก่อน ซึ่งล่าสุดโครงการดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการติดต่อพิจารณาไปแล้วกว่า 60%

"ในปีหน้านี้ บริษัทจะขยายธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน ไม่ต่ำกว่า 6-8% ต่อปี ในอัตราสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวยังได้รับค้ำประกันโดยธนาคารพาณิชย์ในช่วงเวลา 3-5 ปี เพื่อลดความเสี่ยง ดังนั้นผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้จำกัด และต้องการลงทุนในรูปแบบรักษาเงินต้น จึงควรเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองอสังหาริมทรัพย์ในตะกร้าการลงทุนด้วย" นายอนุสรณ์ กล่าว

ส่วนไตรมาสแรกของปี2552 บริษัทเตรียมที่จะขยายธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ (101 Storage Property Fund หรือ STOR) ที่ก่อนหน้านี้ได้ทำการเปิดขายกองทุนไปเมื่อวันที่ 20 - 28 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนการขายออกไปและคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้อีกทีในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าซึ่งโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนเนื้อที่กว่า 39 ไร่ ด้วยมูลค่าโครงการ 603 ล้านบาท สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้จะลงทุนในอาคารรับฝากสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนแรกของไทย โดยจะประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 6 ปีแรก ในอัตราไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 7 ต่อปีโดยมีการค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนของกองทุนจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไม่เกินปีละ 2 ครั้ง

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทเน้นออกกองทุน กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ และกองทุนในลักษณะโครงสร้างที่อ้างอิงกับดัชนีต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ ส่วนผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนไปทั่วโลก บริษัทได้ใช้ความพยายาม ด้วยกำลังบุคลากรที่มีอยู่ สร้างความเข้าใจแก่ลูกค้า ต่อวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้คลายความกังวลลง พร้อมๆกับการให้คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับภาวะตลาด และการลงทุนที่ผันผวนในปัจจุบัน ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนชดเชยในส่วนที่เสียไป โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนมากนัก

โดยการดำเนินการเช่นนี้ ถือเป็นการวางแผนการลงทุนแบบจัดตะกร้าหรือ Portfolio Investment Planning ซึ่งเจ้าหน้าที่บลจ.บีทีกระทำไปพร้อมๆกับเสนอขายหรือให้คำแนะนำ เพื่อสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผู้ลงทุน โดยมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงตรงความคาดหมายมากขึ้น

ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเน้นเสนอขายกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่สามารถนำสิทธิไปลดหย่อนทางภาษีได้ ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าเกณฑ์มาตรฐานของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ติดอยู่ในลำดับ 1 ถึง 5 เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกันที่มีอยู่ในตลาด นอกจากนี้พนักงานของ บลจ บีที จะช่วยให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการวางแผนภาษี การวางแผนการลงทุนระยะยาว เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณ เช่น การลงทุนในรูปแบบของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ รวมถึงแผนการลงทุนระยะยาว ในลักษณะการออมรูปแบบอื่นๆที่เหมาะสมกับนักลงทุนด้วย

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ ของ บลจ. บีที จำกัด ซึ่งเปิดขายหน่วยลงทุนไประหว่างวันที่ 20 - 28 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าไม่สามารถระดมทุนตามเกณฑ์ ทำให้ไม่สามารถจัดตั้งกองทุนได้ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องนักลงทุนสถาบันมีปัญหาทางด้านการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม บลจ.บีทียังไม่ยกเลิกแผนการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว โดยจะนำกลับเสนอขายอีกครั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ส่วนเงินลงทุนในส่วนที่นักลงทุนได้จองซื้อหน่วยลงทุนเข้ามา ทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน บริษัทก็จะทยอยคืนเงินในส่วนนั้นกลับไป

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ใกล้กับกับ บลจ.เอ็มเอฟซี โดย นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ให้ความเห็นว่า บริษัทสามารถขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี โดยระดมเงินทุนได้จากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยกว่า 1,000 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการขอจดทะเบียนกองทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หลังจากนั้นจะนำหน่วยลงทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้นเดือนมกราคม 2552 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป

อย่างไรก็ตาม เดิมที่มูลค่าโครงการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี2 นั้น จดทะเบียนไว้ที่ 1,329 ล้านบาท ซึ่งการกองทุนสามารถระดมทุนได้ประมาณ 1,000 ล้านบาทหลังจากปิดขายไอพีโอนั้น เป็นผลมาจากความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากในช่วงที่ระดมทุนนั้น มีการชุมนุมปิดสนามบิน แต่อย่างไรก็ตาม กองทุนยังสามารถจัดตั้งกองทุนได้ ถึงแม้จะไม่เต็มมูลค่าโครงการก็ตาม โดยจำนวนเงินที่ระดมทุนได้ดังกล่าว ทำให้กองทุนต้องเอาสินทรัพย์บางส่วนออกไป ซึ่งไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะกองทุนสามารถลงทุนเพิ่มได้ในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น