บลจ.ธนชาต เปิดขายกองทุน “ธนชาตตราสารหนี้ 1” ลงทุนบอนด์ภาครัฐ-เอกชขคุณภาพดี อายุประมาณ 5 – 7 เดือน ชูผลตอบแทน 3.65% หวังดึงลูกค้ากลับเข้ามาลงทุน หลังแบงก์แห่จัดแคมเปญแย่งชิงนักลงทุน ไอพีโอถึงวันที่ 9 กันยายนนี้ พร้อมเผยภายในเดือนนี้ เตรียมออกตราสารหนี้ต่างประเทศเพิ่มอีก 1-2 กองทุน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 1 (TFX1) ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 9 กันยายน 2551 นี้ ซึ่งกองทุนมีอายุโครงการ 5 – 7 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2551
ทั้งนี้ กองทุนจะนำเงินเข้าไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐ ที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง โดยกองทุนคาดการณ์ว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.65%
“กองทุนดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง โดยจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน” นายบุญชัยกล่าว
นอกจากนี้ กองทุนจะวัดผลตอบแทนจากค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่มีอายุคงที่ อายุประมาณ 6 เดือน ในสัดส่วน 50% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ อายุประมาณ 6 เดือน บวกส่วนต่างของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้เทียบกับพันธบัตร ในสัดส่วน 50% ณ วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงานดังกล่าวตามที่บริษัทจัดการเห็นเหมาะสม และเป็นเหตุจำเป็น เช่นการยกเลิกการคำนวณและเผยแพร่ดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงานเดิม เป็นต้น
นายบุญชัย กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด หลังจากที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากได้เริ่มประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต่างออกแคมเปญเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำออกมาเพื่อแย่งชิงนักลงทุนกันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทจึงต้องกองทุนตราสารหนี้ออกมาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน เพราะปัจจุบัน ผลตอบแทนถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนในขณะนี้ และคาดว่านักลงทุนจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในเดือน กันยายนนี้ บริษัทเตรียมแผนที่จะออกกองทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศอีก 1 – 2 กองทุนด้วย ส่วนกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทนำมาใช้ในปัจจุบันนั้นยังคงเป็นการขายผ่านทางสาขาของธนาคารธนชาตเป็นหลัก
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 1 (TFX1) ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 9 กันยายน 2551 นี้ ซึ่งกองทุนมีอายุโครงการ 5 – 7 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2551
ทั้งนี้ กองทุนจะนำเงินเข้าไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนและหรือภาครัฐ ที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง และหรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง โดยกองทุนคาดการณ์ว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.65%
“กองทุนดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง โดยจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน” นายบุญชัยกล่าว
นอกจากนี้ กองทุนจะวัดผลตอบแทนจากค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่มีอายุคงที่ อายุประมาณ 6 เดือน ในสัดส่วน 50% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ อายุประมาณ 6 เดือน บวกส่วนต่างของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้เทียบกับพันธบัตร ในสัดส่วน 50% ณ วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงานดังกล่าวตามที่บริษัทจัดการเห็นเหมาะสม และเป็นเหตุจำเป็น เช่นการยกเลิกการคำนวณและเผยแพร่ดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงานเดิม เป็นต้น
นายบุญชัย กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด หลังจากที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากได้เริ่มประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต่างออกแคมเปญเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำออกมาเพื่อแย่งชิงนักลงทุนกันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทจึงต้องกองทุนตราสารหนี้ออกมาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน เพราะปัจจุบัน ผลตอบแทนถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนในขณะนี้ และคาดว่านักลงทุนจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในเดือน กันยายนนี้ บริษัทเตรียมแผนที่จะออกกองทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศอีก 1 – 2 กองทุนด้วย ส่วนกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทนำมาใช้ในปัจจุบันนั้นยังคงเป็นการขายผ่านทางสาขาของธนาคารธนชาตเป็นหลัก