บลจ. ธนชาต เปิดขายกองทุนตราสารหนี้เพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่“ธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 8” ไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 พ.ย. 2551 และ “ธนชาตตราสารหนี้ 5” ไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 พ.ย. อายุ 5 – 7 เดือนรวมมูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท รับกระแสกองทุนบอนด์มาแรง
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเพิ่มขึ้นอีก โครงการประกอบด้วย กองทุนเปิดธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 8 (TPR08) และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 5 (TFIX5) โดยแต่ละกองทุนมีมูลค่าโครงการละ 5,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 5 – 7 เดือน
สำหรับ กองทุนเปิดธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 8 จะเริ่มเปิดขายกองทุนแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ทั้งนี้กองทุนได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนในวันที่ 1 ตุลาคม 2551 เหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการคุ้มครองเงินต้นที่ลงทุน โดยกองทุนจะเน้นการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือเงินฝาก หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กำหนดให้เป็นประเภททรัพย์สินที่สามารถลงทุนโดยมีวัตถุประสงค์ที่มุ่งให้เกิดการคุ้มครองเงินต้นได้
นอกจากนี้กองทุนจะเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับดัชนีอัตราผลตอบแทนของการลงทุนในพันธบัตรทีทมีอายุคงที่ (Zero Rate Return (ZRR) Index) อายุ 6 เดือน ที่ประกาศโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 5 เริ่มเปิดขายกองทุนแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 โดยได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนในวันที่ 9 ตุลาคม 2551 ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้สนใจลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง ซึ่งจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพหรือภาครัฐ ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ย หรือเงินต้นสูง หรือเงินฝาก หรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
ขณะเดียวกันกองทุนจะเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรทีทมีอายุคงที่ อายุประมาณ 6 เดือน ในสัดส่วนร้อยละ 50 และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรทีมีอายุคงที่ ประมาณ 6 เดือน บวกส่วนต่างของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้เทียบกับพันธบัตรในสัดส่วนร้อยละ 50 ณ วันจดทะเบียนกองทุนทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม
ก่อนหน้านี้ นายวิศิษฐ ชื่นรัตนกุล ผู้จัดการกองทุนรวมอาวุโสตราสารหนี้ บลจ. ธนชาต จำกัด กล่าวถึงการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ในช่วงนี้ว่า นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในกองทุนของบลจ.เป็นจำนวนมาก ทั้งกองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนตราสารหนี้แบบล๊อกอายุ เนื่องมาจากนักลงทุนยังมีความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย รวมถึงยังกังวลเรื่องของวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา และยุโรป ทำให้กองทุนทั้ง 2 กองทุนได้รับความนิยม
ขณะเดียวกัน นักลงทุนทั้ง 2 กองทุน จะมีเป้าหมายในการลงทุนต่างกัน ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเสมือนการฝากเงิน ให้ผลตอบแทนที่ดี และไม่ต้องเสียภาษี รวมถึงรับความเสี่ยงในการลงทุนได้น้อยก็จะเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบล๊อกอายุ ส่วนนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง ให้ผลตอบแทนดีจะเลือกลงทุนกองทุนรวมตลาดเงิน ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ขณะเดียวกันในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนนักลงทุนบางกลุ่มพักเงินไว้ที่กองทุนรวมตลาดเงิน เมื่อถึงช่วงจังหวะหุ้นราคาถูก นักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะนำเงินเข้าไปลงทุนในกองทุนหุ้นแทน โดยที่ผ่านมานั้นกองทุนรวมตลาดเงินไม่ได้รับผลกระทบจากการโยกเงินลงทุน เนื่องจากกองทุนดังกล่าวมีเม็ดเงินในการลงทุนเป็นจำนวนมาก
โดยในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บลจ.ธนชาตได้เปิดขายหน่วยลงทุนรอบใหม่ (โรลโอเวอร์) กองทุนตราสารหนี้ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/4 ตั้งแต่วันที่ 24 - 31 ตุลาคม ส่วนกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 6 เปิดขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 24 ตุลาคม 2551 และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน 5เปิดขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่22 ตุลาคม 2551
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเพิ่มขึ้นอีก โครงการประกอบด้วย กองทุนเปิดธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 8 (TPR08) และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 5 (TFIX5) โดยแต่ละกองทุนมีมูลค่าโครงการละ 5,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 5 – 7 เดือน
สำหรับ กองทุนเปิดธนชาตตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 8 จะเริ่มเปิดขายกองทุนแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ทั้งนี้กองทุนได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนในวันที่ 1 ตุลาคม 2551 เหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการคุ้มครองเงินต้นที่ลงทุน โดยกองทุนจะเน้นการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือเงินฝาก หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กำหนดให้เป็นประเภททรัพย์สินที่สามารถลงทุนโดยมีวัตถุประสงค์ที่มุ่งให้เกิดการคุ้มครองเงินต้นได้
นอกจากนี้กองทุนจะเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับดัชนีอัตราผลตอบแทนของการลงทุนในพันธบัตรทีทมีอายุคงที่ (Zero Rate Return (ZRR) Index) อายุ 6 เดือน ที่ประกาศโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 5 เริ่มเปิดขายกองทุนแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 โดยได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนในวันที่ 9 ตุลาคม 2551 ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้สนใจลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง ซึ่งจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพหรือภาครัฐ ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ย หรือเงินต้นสูง หรือเงินฝาก หรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
ขณะเดียวกันกองทุนจะเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรทีทมีอายุคงที่ อายุประมาณ 6 เดือน ในสัดส่วนร้อยละ 50 และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรทีมีอายุคงที่ ประมาณ 6 เดือน บวกส่วนต่างของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้เทียบกับพันธบัตรในสัดส่วนร้อยละ 50 ณ วันจดทะเบียนกองทุนทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม
ก่อนหน้านี้ นายวิศิษฐ ชื่นรัตนกุล ผู้จัดการกองทุนรวมอาวุโสตราสารหนี้ บลจ. ธนชาต จำกัด กล่าวถึงการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ในช่วงนี้ว่า นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในกองทุนของบลจ.เป็นจำนวนมาก ทั้งกองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนตราสารหนี้แบบล๊อกอายุ เนื่องมาจากนักลงทุนยังมีความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย รวมถึงยังกังวลเรื่องของวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา และยุโรป ทำให้กองทุนทั้ง 2 กองทุนได้รับความนิยม
ขณะเดียวกัน นักลงทุนทั้ง 2 กองทุน จะมีเป้าหมายในการลงทุนต่างกัน ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเสมือนการฝากเงิน ให้ผลตอบแทนที่ดี และไม่ต้องเสียภาษี รวมถึงรับความเสี่ยงในการลงทุนได้น้อยก็จะเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบล๊อกอายุ ส่วนนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง ให้ผลตอบแทนดีจะเลือกลงทุนกองทุนรวมตลาดเงิน ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ขณะเดียวกันในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนนักลงทุนบางกลุ่มพักเงินไว้ที่กองทุนรวมตลาดเงิน เมื่อถึงช่วงจังหวะหุ้นราคาถูก นักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะนำเงินเข้าไปลงทุนในกองทุนหุ้นแทน โดยที่ผ่านมานั้นกองทุนรวมตลาดเงินไม่ได้รับผลกระทบจากการโยกเงินลงทุน เนื่องจากกองทุนดังกล่าวมีเม็ดเงินในการลงทุนเป็นจำนวนมาก
โดยในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บลจ.ธนชาตได้เปิดขายหน่วยลงทุนรอบใหม่ (โรลโอเวอร์) กองทุนตราสารหนี้ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/4 ตั้งแต่วันที่ 24 - 31 ตุลาคม ส่วนกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 6 เปิดขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 24 ตุลาคม 2551 และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน 5เปิดขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่22 ตุลาคม 2551