บลจ. ธนชาตใจดี ยกเว้นค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนกองทุนเอฟไอเอฟ ทั้ง 5 กอง หวังอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ไม่ต้องแบกรับภาระ หลังเจอผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก คาดไตรมาส 1 ปีหน้า สถานการณ์ชัดเจน เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาได้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นยังมีอยู่มาก ทำให้บริษัทไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า อนาคตข้างหน้าจะดีขึ้นหรือร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะสถานการณ์ในต่างประเทศ ดังนั้นการติดตามข่าวสารในแต่ละวันจริงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในช่วงนี้
ล่าสุด เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศเทศ (เอฟไอเอฟ) บริษัทได้การยกเว้นค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนและการเพิ่มวันทำการขายหน่วยลงทุนของกองทุนเอฟไอเอฟ โดยในส่วนของการยกเว้นเว้นค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน (front-end fee) นั้น จากเดิมที่เรียกเก็บสำหรับเงินลงทุนน้อยกว่า 10 ล้าน ในอัตราร้อยละ 1.00 ของมูลค่าหน่วยลงทุน และเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาท คิดในอัตราร้อยละ 0.75 ของมูลค่าหน่วยลงทุน เป็นยกเว้นไม่เรียกเก็บ ส่วนการเพิ่มวันทำการขายหน่วยลงทุนนั้น จากเดิมนักลงทุนสามารถทำธุรกรรมได้ทุกวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ ระหว่างเวลาเริ่มทำการถึง 12.00 น เปลี่ยนแปลงเป็นสามารถทำธุรกรรมได้ทุกวันทำการระหว่างเวลาเริ่มทำการถึง 12.00 น. ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 วันทำการ โดยมีผลตั้งแต่วัน 17 พฤศจิกายน 2551ถึงวันที่ 10 เมษายน 2552
ทั้งนี้ กองทุนเอฟไอเอฟที่ได้รับการยกเว้น 5 กองทุน ได้แก่ 1. กองทุนเปิดธนชาตอินฟราสตรัคเจอร์ แอนด์ แน็ชเชอรัล รีซอร์ส ฟันด์ ออฟ ฟันด์ (T-INFRA) 2. กองทุนเปิดธนชาตแวยูเอ็กซ์ยูเอสฟันด์ ( T-VALUexUS) 3. กองทุนเปิดธนชาตพรีเมียมแบรนดส์ฟันด์ ( T-PREMIUM BRAND) 4. กองทุนเปิดธนชาตโกลบอล บอนด์ ฟันด์ (T-GlobalBond) และ 5. กองทุนเปิดธนชาตนิวเอ็นเนอร์จีฟันด์ ( T-NewEnergy)
นายบุญชัยกล่าวว่า กับการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับกองทุนรวมเอฟไอเอฟครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนไม่ต้องแบกรับภาระในส่วนนี้ และถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น เพราะเชื่อว่านักลงทุนที่ยังอยากเข้ามาลงทุนยังมีอีกเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2552 ช่วงประมาณไตรมาส 1 น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ากองทุนเอฟไอเอฟเพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดให้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนเอฟไอเอฟ ทั้ง 5 กองทุน ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต (Internet) ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนเอฟไอเอฟ พบว่า กองทุนเปิดธนชาตอินฟราสตรัคเจอร์ แอนด์ แน็ชเชอรัล รีซอร์ส ฟันด์ ออฟ ฟันด์ (T-INFRA) ให้ผลตอบแทน ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -36.86% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -31.70% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -41.88% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -38.79% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -43.49% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -41.35% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -31.79% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -24.48%
ส่วนกองทุนเปิดธนชาตแวยูเอ็กซ์ยูเอสฟันด์ ( T-VALUexUS) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -38.95% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -32.83% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -47.83% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -41.92% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -50.59% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -45.86% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -51.43% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -44.41%
ขณะที่กองทุนเปิดธนชาตพรีเมียมแบรนดส์ฟันด์ ( T-PREMIUM BRAND) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -26.93% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -28.15% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -32.77% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -31.60% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -39.55% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -42.31% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -40.15% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -42.04%
กองทุนเปิดธนชาตโกลบอล บอนด์ ฟันด์ (T-GlobalBond) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.08% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 11.19% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.59% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 10.39% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.47% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.73% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.21% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 7.72%
สุดท้ายกองทุนเปิดธนชาตนิวเอ็นเนอร์จีฟันด์ ( T-NewEnergy) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -44.96% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -46.53% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -49.15% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 49.40% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -50.07% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -53.53%
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นยังมีอยู่มาก ทำให้บริษัทไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า อนาคตข้างหน้าจะดีขึ้นหรือร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะสถานการณ์ในต่างประเทศ ดังนั้นการติดตามข่าวสารในแต่ละวันจริงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในช่วงนี้
ล่าสุด เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศเทศ (เอฟไอเอฟ) บริษัทได้การยกเว้นค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนและการเพิ่มวันทำการขายหน่วยลงทุนของกองทุนเอฟไอเอฟ โดยในส่วนของการยกเว้นเว้นค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน (front-end fee) นั้น จากเดิมที่เรียกเก็บสำหรับเงินลงทุนน้อยกว่า 10 ล้าน ในอัตราร้อยละ 1.00 ของมูลค่าหน่วยลงทุน และเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาท คิดในอัตราร้อยละ 0.75 ของมูลค่าหน่วยลงทุน เป็นยกเว้นไม่เรียกเก็บ ส่วนการเพิ่มวันทำการขายหน่วยลงทุนนั้น จากเดิมนักลงทุนสามารถทำธุรกรรมได้ทุกวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ ระหว่างเวลาเริ่มทำการถึง 12.00 น เปลี่ยนแปลงเป็นสามารถทำธุรกรรมได้ทุกวันทำการระหว่างเวลาเริ่มทำการถึง 12.00 น. ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 วันทำการ โดยมีผลตั้งแต่วัน 17 พฤศจิกายน 2551ถึงวันที่ 10 เมษายน 2552
ทั้งนี้ กองทุนเอฟไอเอฟที่ได้รับการยกเว้น 5 กองทุน ได้แก่ 1. กองทุนเปิดธนชาตอินฟราสตรัคเจอร์ แอนด์ แน็ชเชอรัล รีซอร์ส ฟันด์ ออฟ ฟันด์ (T-INFRA) 2. กองทุนเปิดธนชาตแวยูเอ็กซ์ยูเอสฟันด์ ( T-VALUexUS) 3. กองทุนเปิดธนชาตพรีเมียมแบรนดส์ฟันด์ ( T-PREMIUM BRAND) 4. กองทุนเปิดธนชาตโกลบอล บอนด์ ฟันด์ (T-GlobalBond) และ 5. กองทุนเปิดธนชาตนิวเอ็นเนอร์จีฟันด์ ( T-NewEnergy)
นายบุญชัยกล่าวว่า กับการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับกองทุนรวมเอฟไอเอฟครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนไม่ต้องแบกรับภาระในส่วนนี้ และถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น เพราะเชื่อว่านักลงทุนที่ยังอยากเข้ามาลงทุนยังมีอีกเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2552 ช่วงประมาณไตรมาส 1 น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ากองทุนเอฟไอเอฟเพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดให้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนเอฟไอเอฟ ทั้ง 5 กองทุน ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต (Internet) ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนเอฟไอเอฟ พบว่า กองทุนเปิดธนชาตอินฟราสตรัคเจอร์ แอนด์ แน็ชเชอรัล รีซอร์ส ฟันด์ ออฟ ฟันด์ (T-INFRA) ให้ผลตอบแทน ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -36.86% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -31.70% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -41.88% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -38.79% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -43.49% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -41.35% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -31.79% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -24.48%
ส่วนกองทุนเปิดธนชาตแวยูเอ็กซ์ยูเอสฟันด์ ( T-VALUexUS) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -38.95% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -32.83% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -47.83% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -41.92% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -50.59% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -45.86% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -51.43% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -44.41%
ขณะที่กองทุนเปิดธนชาตพรีเมียมแบรนดส์ฟันด์ ( T-PREMIUM BRAND) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -26.93% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -28.15% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -32.77% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -31.60% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -39.55% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -42.31% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -40.15% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -42.04%
กองทุนเปิดธนชาตโกลบอล บอนด์ ฟันด์ (T-GlobalBond) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.08% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 11.19% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.59% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 10.39% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.47% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.73% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.21% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 7.72%
สุดท้ายกองทุนเปิดธนชาตนิวเอ็นเนอร์จีฟันด์ ( T-NewEnergy) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -44.96% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -46.53% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -49.15% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 49.40% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -50.07% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -53.53%