บลจ. ธนชาต ผนึกกำลังโบรกเกอร์ในเครือ เปิดบริการ "T-Smart Fund" อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนหลักทรัพย์ รับชำระค่าซื้อ-ขายหุ้นผ่านกองทุนรวมธนชาตตลาดเงิน ชูโอกาสสร้างผลตอบแทนตลอดเวลา พร้อมระบุเสริมการรองรับ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝากกว้างขวางขึ้น คาดปีหน้าเอ็นเอวีขยายตัวเพิ่ม
นายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในการร่วมกันเปิดบริการ"T-Smart Fund" รับชำระค่าซื้อ-ขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนรวมธนชาตตลาดเงินหรือ T-Money ซึ่งเป็นบริการที่เพิ่มความสะดวก มีสภาพคล่องสูง และช่วยบริหารเงินของนักลงทุนในช่วงที่รอจังหวะการลงทุนในหุ้นโดยสามารถนำเงินมาพักไว้ในกองทุน T-Money (Money Market Fund) แทนการฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์แบบเดิม โดยบริการดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนมากขึ้น นอกเหนือจากผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว เช่น หากลูกค้ามีการขายหลักทรัพย์ ก็สามารถนำเงินส่วนที่ขายได้มาทำรายการซื้อหน่วยลงทุน และสามารถขายหน่วยลงทุนเพื่อนำมาชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ได้เช่นเดียวกัน
โดยช่องทางบริการใหม่นี้ สามารถทำการชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุน T-Money เพื่อให้เงินของนักลงทุนมีโอกาสเติบโตขึ้นตลอดเวลา แม้ในขณะที่พักเงินเพื่อรอชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีสภาพคล่องสูง โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวัน และจะได้รับค่าขายคืนหน่วยลงทุนในวันถัดไป หรือที่เรียกว่า T+1 นอกจากนี้ เมื่อลูกค้ามีการซื้อหุ้น บริษัทหลักทรัพย์จะทำการขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว เพื่อนำเงินมาชำระค่าซื้อหุ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า และสามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งรายการโดยนำเงินค่าซื้อหุ้นเข้าบัญชีออมทรัพย์ได้ด้วย ซึ่งเป็นความร่วมมือในการทำธุรกรรมกับ บมจ. หลักทรัพย์ ธนชาต และบลจ. ธนชาต ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายหน่วยลงทุนเพื่อบริการซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติ ทั้งนี้ บริการดังกล่าวนักลงทุนไม่ต้องการเสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด
“บริการดังกล่าวได้เริ่มทำการทดลองใช้จริงแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 และคาดว่าระบบภายในจะเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยในสิ้นเดือนกันยายน 2551 นี้ ซึ่งเราจัดตั้งระบบดังกล่าวขึ้นมา เพื่อเป็นการซับพอร์ตให้แก่นักลงทุนหลักทรัพย์ ในการเข้ามาลงทุนในกองทุน T-Money ได้อย่างสะดวกสบาย แบบอัตโนมัติ” นายสุรธีร์ กล่าว
นายสุรธีร์ กล่าวต่อว่า สำหรับบริการ T-Smart Fund เป็นบริการเสริมให้แก่นักลงทุนหลักทรัพย์ และสาเหตุที่ต้องใช้กองทุน T-Money นี้ เนื่องจากว่า กองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าการนำเงินไปฝากธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวถือว่ามีปัจจัยความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่กองทุน T-Money จะเลือกเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาสั้นเท่านั้น หรือมีอายุไม่เกิน 1 ปี และปัจจุบันกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น จึงส่งผลให้กองทุนนี้ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างน้อย นอกจากนี้แล้ว ผู้ที่เข้ามาลงทุนยังจะได้รับการยกเว้นทางภาษีอีกด้วย
ทั้งนี้ บริการ T-Smart Fund จะช่วยรองรับกับ พ.ร.บ. เงินฝากได้เริ่มใช้เแล้วได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น คาดว่าในปีหน้านักลงทุนจะเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น เมื่อนักลงทุนเริ่มมีความรู้ความเข้าใจต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน T-Money ณ วันที่ 5 กันยายน 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.95% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.99% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 2.88% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.89% ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีอยู่ที่ 5,044 ล้านบาท และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 10.13 บาทต่อหน่วย
นายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในการร่วมกันเปิดบริการ"T-Smart Fund" รับชำระค่าซื้อ-ขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนรวมธนชาตตลาดเงินหรือ T-Money ซึ่งเป็นบริการที่เพิ่มความสะดวก มีสภาพคล่องสูง และช่วยบริหารเงินของนักลงทุนในช่วงที่รอจังหวะการลงทุนในหุ้นโดยสามารถนำเงินมาพักไว้ในกองทุน T-Money (Money Market Fund) แทนการฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์แบบเดิม โดยบริการดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนมากขึ้น นอกเหนือจากผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว เช่น หากลูกค้ามีการขายหลักทรัพย์ ก็สามารถนำเงินส่วนที่ขายได้มาทำรายการซื้อหน่วยลงทุน และสามารถขายหน่วยลงทุนเพื่อนำมาชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ได้เช่นเดียวกัน
โดยช่องทางบริการใหม่นี้ สามารถทำการชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุน T-Money เพื่อให้เงินของนักลงทุนมีโอกาสเติบโตขึ้นตลอดเวลา แม้ในขณะที่พักเงินเพื่อรอชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีสภาพคล่องสูง โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวัน และจะได้รับค่าขายคืนหน่วยลงทุนในวันถัดไป หรือที่เรียกว่า T+1 นอกจากนี้ เมื่อลูกค้ามีการซื้อหุ้น บริษัทหลักทรัพย์จะทำการขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว เพื่อนำเงินมาชำระค่าซื้อหุ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า และสามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งรายการโดยนำเงินค่าซื้อหุ้นเข้าบัญชีออมทรัพย์ได้ด้วย ซึ่งเป็นความร่วมมือในการทำธุรกรรมกับ บมจ. หลักทรัพย์ ธนชาต และบลจ. ธนชาต ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายหน่วยลงทุนเพื่อบริการซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติ ทั้งนี้ บริการดังกล่าวนักลงทุนไม่ต้องการเสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด
“บริการดังกล่าวได้เริ่มทำการทดลองใช้จริงแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 และคาดว่าระบบภายในจะเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยในสิ้นเดือนกันยายน 2551 นี้ ซึ่งเราจัดตั้งระบบดังกล่าวขึ้นมา เพื่อเป็นการซับพอร์ตให้แก่นักลงทุนหลักทรัพย์ ในการเข้ามาลงทุนในกองทุน T-Money ได้อย่างสะดวกสบาย แบบอัตโนมัติ” นายสุรธีร์ กล่าว
นายสุรธีร์ กล่าวต่อว่า สำหรับบริการ T-Smart Fund เป็นบริการเสริมให้แก่นักลงทุนหลักทรัพย์ และสาเหตุที่ต้องใช้กองทุน T-Money นี้ เนื่องจากว่า กองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าการนำเงินไปฝากธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวถือว่ามีปัจจัยความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่กองทุน T-Money จะเลือกเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาสั้นเท่านั้น หรือมีอายุไม่เกิน 1 ปี และปัจจุบันกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น จึงส่งผลให้กองทุนนี้ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างน้อย นอกจากนี้แล้ว ผู้ที่เข้ามาลงทุนยังจะได้รับการยกเว้นทางภาษีอีกด้วย
ทั้งนี้ บริการ T-Smart Fund จะช่วยรองรับกับ พ.ร.บ. เงินฝากได้เริ่มใช้เแล้วได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น คาดว่าในปีหน้านักลงทุนจะเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น เมื่อนักลงทุนเริ่มมีความรู้ความเข้าใจต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน T-Money ณ วันที่ 5 กันยายน 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.95% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.99% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 2.88% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.89% ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีอยู่ที่ 5,044 ล้านบาท และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 10.13 บาทต่อหน่วย
