xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.รุกคืบฐานลูกค้าโบรก ส่งมันนี่มาร์เกตพักเงินซื้อขายหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช่วงนี้ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝากมีการพูดถึงกันเยอะเหลือเกิน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับข้องกับกองทุนรวม เพราะได้รับการคาดหมายว่าน่าจะได้อานิสงส์มากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เอง ทำให้ที่ผ่านมากองทุนรวมต่างเตรียมแผนรับมือกันกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกองทุนที่ใกล้เคียงเงินฝากมากที่สุดอย่างกองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่มาร์เกต เพราะเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด และยังมีสภาพคล่องสามารถไถ่ถอนหน่วยได้ลงทุนเช่นเดียวกันเงินฝาก

นอกเหนือจากนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น กองทุนรวมเองก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น...โดยเชื่อว่านักเล่นหุ้นหลายคนคงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว สำหรับการใช้บัญชีเงินฝากชำระเงินจากการซื้อขายหุ้น แต่ขณะนี้ มีทางเลือกใหม่ให้นักเล่นหุ้นแล้ว ด้วยการเสนอกองทุนมันนี่มาร์เกตรับชำระเงินจากการซื้อขายหุ้นแทน...และแน่นอนว่าผลตอบแทนของกองทุนมันนี่มาร์เกตที่สูงกว่าเงินฝาก ประกอบกับเงินฝากที่จะไม่ได้รับการคุ้มครองอีกต่อไปแล้ว กองทุนประเภทนี้น่าจะตอบโจทย์คนเล่นหุ้นได้เป็นอย่างดี

เมื่อเร็วๆนี้ เราเริ่มเห็นการขยับของบลจ. ในด้านนี้บ้างแล้ว เริ่มต้นที่ บลจ. กสิกรไทย ที่จับมือกับบริษัทหลักทรัพย์ในเครือ ให้บริการ "K-Stock 2 Fund"  ล่าสุด บลจ.อยุธยา ก็จับมือ 2 โบรกเกอร์ ให้บริการใหม่ล่าสุด "AYF Stock Settlement Service" ซึ่งทั้ง 2 บริการ เป็นการรับชำระเงินค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนมันนี่มาร์เกตเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีบลจ. ในเครือโบรกเกอร์ที่สนใจให้บริการประเภทนี้ด้วย...วันนี้ "ผู้จัดการกองทุนรวม" ถือโอกาสรวบรวมมาให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจอีกครั้ง
ฉัตรพี ตันติเฉลิม
ฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอยุธยา จำกัด (AYF) กล่าวว่า สำหรับโปรแกรม AYF SSS หรือ AYF Stock Settlement Service เป็นบริการที่เสนอทางเลือกใหม่ในการชำระเงินค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงิน (AYFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนมันนี่มาร์เกตภายใต้การบริหารของเอวายเอฟ โดยในช่วงแรกจะให้บริการกับลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ AYS และบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DBSV

โดยสาเหตุที่เลือกกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงิน เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่มั่นคง ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก ฟิทช์ เรทติ้ง (ประเทศไทย) ที่ระดับ “AAA(tha)/V1(tha)” แสดงว่ากองทุนมีคุณภาพเครดิตดีที่สุด ความเสี่ยงจากปัจจัยตลาดต่ำ และให้ผลตอบแทนที่มั่นคง ผัวผวนน้อย โดยปัจจุบัน กองทุนมีสินทรัพย์สุทธิประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการรองรับการทำธุรกรรมที่จะเกิดขึ้น

"ฉัตรพี" บอกว่า การเสนอช่องทางใหม่ในการชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงิน เพื่อให้เงินของนักลงทุนมีโอกาสเติบโตขึ้นตลอดเวลาแม้ในขณะพักเงินเพื่อรอชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ การลงทุนในหุ้นในจังหวะที่เหมาะสมสามารถสร้างผลกำไรได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะที่รอช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้น การพักเงินโดยลงทุนในกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เงินลงทุนงอกเงยขึ้นเนื่องจากผลตอบแทนของกองทุนสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ และผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา

ส่วนความกังวลว่าเงินลงทุนจะไหลออกจากกองทุนในกรณีที่มีการซื้อขายหุ้นเยอะๆ นั้น ตรงนี้ไม่ห่วงมาก เนื่องจากการซื้อการขายจะเข้ามาชดเชยกันได้อยู่แล้ว ซึ่งการที่กองทุนดังกล่าวเปิดซื้อขายได้ทุกวันก็รับความเสี่ยงนี้เอาไว้อยู่แล้ว ประกอบกับฐานลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ใช่นักลงทุนที่มีการซื้อขายหุ้นเท่านั้น ยังมีส่วนของนักลงทุนรายย่อย สถาบัน นิติบุคคลรวมอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกองทุนที่จะต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุด

สำหรับเป้าหมายจากความร่วมมือในครั้งนี้ "ฉัตรพี" กล่าวว่า ในแง่ของจำนวนเงินเราไม่ได้คาดหวังมากนัก เนื่องด้วยวอลุ่มเทรดในปัจจุบันที่มีค่อนข้างน้อย แต่เราคาดหวังในแง่ของจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมากกว่า เพราะสามารถขยายการลงทุนไปสู่กองทุนประเภทอื่นได้ หลังจากนักลงทุนเหล่านี้รู้จักการลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น ซึ่งการพักเงินจากการซื้อหายหุ้นเอามาไว้ในกองทุนมันนี่มาร์เกต สามารถให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าการพักเงินไว้ในเงินฝาก โดยในอนาคตบริทษัทมีแผนขยายโปรแกรมดังกล่าว ไปสู่บริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ ด้วย ซึ่งเร็วนี้ จะจะเปิดให้บริการกับบล. ภัทรด้วย

ไปฟังความเห็นจากโบรกเกอร์กันบ้าง ปิยชน ใจจงกิจ กรรมการผู้จัดการ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า เราอยากได้บริการแบบนี้ให้กับลูกค้ามานานแล้ว เพราะถือเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าแทนที่จะฝากเงินไว้กับแบงก์ เนื่องจากกองทุนมันนี่มาร์เกตให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ขณะเดียวกันยังมีโอกาสที่มูลค่าเดิมจะเปลี่ยนแปลงได้ยาก เนื่องจากลงทุนในตราสารภาครัฐที่มีความมั่นคง โดยบริการประเภทนี้ ได้รับความสนใจอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่มีการใช้ธุรกรรมผ่านช่องทางนี้ถึง 90% โดยเงินที่ได้จากการซื้อขายหุ้นส่วนใหญ่จะเข้ากองทุนมันนี่มาร์เกตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บริการดังกล่าวไม่เหมาะกับนักลงทุนระยะสั้นที่มีการซื้อขายหลายธุรกรรมในวันเดียว แต่จะเหมาะกับนักลงทุนระยะกลางมากกว่า

ก่อนหน้านี้ บลจ.กสิกรไทยถือเป็นบลจ.แห่งแรกที่เปิดให้บริการประเภทนี้ โดย ณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติผ่านกองทุนกสิกรไทย หรือ K-Stock 2 Fund เป็นการเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอีกทางหนึ่ง โดยหากนักลงทุนจะทำการขายหลักทรัพย์เช่น หุ้น A ในราคา 100 บาท จำนวน 10,000 หุ้น ระยะเวลาที่จะได้รับเงินจากการขายคือ T+3 หรือ 3 วันหลังการขายหุ้น ซึ่งเป็นระยะเวลาปกติสำหรับการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และเงินที่ได้จะถูกนำไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ความเสี่ยงต่ำอย่าง K-TREASURY ของบลจ.กสิกรไทยทันที

“ลูกค้าจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นระหว่างที่รอการซื้อหลักทรัพย์ครั้งใหม่ ซึ่งผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน ของกองทุนอยู่ที่ 2.65% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ 0.75% และลูกค้ายังสามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งการทำรายการ โดยให้นำเงินค่าขายหลักทรัพย์แต่ละรายการไปเข้าบัญชีออมทรัพย์ปกติได้อีกด้วย" ณัฐรินทร์กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนต้องการใช้เงินก็สามารถสั่งขายหน่วยลงทุนและได้รับเงินลงทุนคืนทันทีในวันรุ่งขึ้น ส่วนการซื้อหลักทรัพย์ จะเริ่มจากทำการสั่งซื้อในราคาที่นักลงทุนต้องการตามจริง และโดยปกติจะชำระเงินในการซื้อหุ้นในอีก 3 วันหลังจากนั้น ซึ่งจะทำให้มีเวลาขายคืนหน่วยลงทุนตามจำนวนมที่ต้องการ โดยธุรกรรมนี้จะเสร็จสิ้นในระยะเวลาเดียวกันกับการหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์

"ซีมิโก้-ฟิลลิป"จ่อคิวส่งบริการร่วมแจม
กิตติโชค จิตต์สดศรี กรรมการผู้จัดการ บลจ.ซีมิโก้ กล่าวว่า บริษัทจะเปิดให้บริการรับชำระเงินซื้อขายหุ้นผ่านกองทุนกองทุนเปิดซีมิโก้เดลี่ พลัส (S-DPF) ซึ่งเป็นกองทุนมันนี่มาร์เกตภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทอย่างเต็มรูปแบบในเดือนหน้า จากปัจจุบันที่สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่เป็นระบบการจัดการแบบแมนนวล โดยในเบื้องต้น บริการดังกล่าวจะรองรับเงินซื้อขายหุ้นจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีมิโก้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ก่อน

โดยกองทุนเปิดซีมิโก้เดลี่ พลัส ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่นิยมการฝากเงินกับธนาคาร โดยมีข้อดีคือให้โอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร ซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทสถาบันและประชาชนทั่วไปที่ต้องการการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งกองทุนนี้เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในสามอันดับแรก (AAA,AA,A)

ซึ่งในปัจจุบันกองทุนเปิดซีมิโก้เดลี่ พลัส มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 51 ล้านบาท จำนวนบัญชีประมาณ 50 บัญชีเช่นกัน ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่เป็นลูกค้าทั่วไปของบลจ.เป็นหลัก โดยหลังจากเปิดบริการดังกล่าวแล้วคาดว่าจะมีฐานบัญชีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 200 บัญชีภายในสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดให้บริการกับลูกค้าของบล.ซีมิโก้แล้วประมาณ 1-2 เดือน เราคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการดังกล่าวกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ ได้ โดยในช่วงนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทหลักทรัพย์ที่จะเข้าร่วมบริการดังกล่าวประมาณ 2 บริษัท

“ลูกค้าหุ้นจะต่างกับลูกค้าเงินฝาก เพราะลูกค้าเงินฝากจะเห็นชัดเจนว่ากองทุนมันนี่มาร์เกตให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ในขณะที่นักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นอยู่ แน่นอนว่าถ้าหุ้นปรับตัวดีย่อมให้ความสนใจการลงทุนในหุ้นมากกว่าอยู่แล้ว ดังนั้น เราจึงไม่คาดหวังว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่” กิตติโชคกล่าว

ด้าน วรรธนะ วงศีสีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ฟิลลิฟ กล่าวว่า ขณะนี้บลจ.ฟิลลิปเองกำลังอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบบริการใช้กองทุนมันนี่มาร์เกตรองรับเงินซื้อขายหุ้นของลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์เช่นกัน โดยอยู่ระหว่างการหารือกับบล.ฟิลลิปซึ่งเป็นบริษัทแม่ ซึ่งบริษัทเองมีกองทุนมันนี่มาร์เกตอยู่ 1 กองทุน นั่นคือ กองทุนเปิดฟิลลิปบริหารเงิน (PCASH)

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวต้องศึกษาอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นระบบไอที รวมถึงระบบบริหารจัดการ เนื่องจากการซื้อขายหุ้นนั้นมีการเข้าออกค่อนข้างมากในแต่ละธุรกรรม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อาจจะส่งผลต่อผลตอบแทนของกองทุนได้ ซึ่งตรงนี้เรายังเป็นห่วงอยู่เลยต้องวางแผนระบบให้ดีก่อน

“การเข้าออกของเงินซื้อขายหุ้นในแต่ละครั้ง มีจำนวนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหากมีการซื้อหุ้นมากๆ ในช่วงที่ตลาดตก ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของกองทุนได้ ซึ่งในส่วนของลูกค้าที่มาจากเงินฝากและต้องการผลตอบแทนสูงกว่า หากได้รับผลกระทบนี้อาจจะไม่แฟร์ ซึ่งเราเองมีแนวคิดว่าจะจัดตั้งกองทุนใหม่ขึ้นมาอีกกองทุน เพื่อรองรับเงินที่มาจากการซื้อขายหุ้นโดยเฉพาะ”วรรธนะกล่าว

ทั้งนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าบริการดังกล่าวจะทันภายในปีนี้หรือไม่ เพราะต้องดูความพร้อมของบริษัทหลักทรัพย์ด้วย อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจาก บล.ฟิลลิปแล้ว เราเองกำลังคุยกับบริษัทหลักทรัพย์อีกประมาณ 2 ราย ซึ่งสนใจให้เราใช้กองทุนมันนี่มาร์เกตเป็นแหล่งพักเงินจากการซื้อขายหุ้นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น