ผู้จัดการายวัน - ผู้บริหาร บลจ. มองตลาดหุ้น จีน อินเดีย ถึงเวลาดีดตัวกลับหลังราคานํ้ามันในตลาดโลกลง ขณะเดียวกัน พื้นฐานทางเศรษฐกิจของ 2 ประเทศที่แข็งแกร่งทำให้ได้รับผลกระทบจากกรณีซัพไพรม์น้อยมาก โดยเฉพาะจีน คาดว่าหลังกีฬาโอลิมปิก เศรษฐกิจและอุตสาหรรมภายในประเทศจะดีขึ้น ส่วนอินเดีย ได้รับปัจจัยที่สำคัญคือการย้ายฐานการผลิต อีกทั้งราคาหุ้นถูกจะช่วยดึงเงินทุนต่างแดนไหลเข้าประเทศ
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า จากภาวะราคานํ้ามันที่ปรับตัวลดลงมานั้น ช่วยส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียอย่างจีนกับอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่และมีการเข้ามาลงทุนมากในตลาดหุ้น
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาประเทศในแถบเอเชียได้รับผลกระทบจากเรื่องของปัญหาซัพไพรม์ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเรื่องของราคานํ้ามัน และปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงมา ดังนั้นจึงส่งผลให้ตลาดหุ้นของประเทศต่างๆในเอเชียปรับตัวลดลงมาอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของประเทศอินเดียดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงแล้วมากว่า 30% แต่ในขณะนี้ที่ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวลดลงมาจึงทำให้ตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวดีขึ้น ซึ่งประเทศอินเดียได้มีการคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นในประเทศมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ตํ่าสุดแล้วและน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้
ขณะเดียวกัน บรรดาสื่อมวลชนในต่างประเทศเองยังมองว่าเศรษฐกิจของประเทศอินเดีย รวมทั้งในส่วนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะกลับมาดีดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญคือการมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในระดับสูงอยู่ซึ่งส่งผลไปถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุน
นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ เศรษฐกิจของอินเดียในช่วงที่ผ่านมา ได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศ หรือ เอาต์ซอร์ซ (Outsource) เข้าในในอินเดียเป็นจำนวนมาก โดยมีประเทศสหรัฐฯและยุโรปเป็นหลัก ดังนั้นการที่เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปมีการปรับตัวลงมาจึงส่งผลโดยตรงต่อเรื่องดังกล่าว แต่หากเศรษฐกิจของสหรัฐกับยุโรปกลับมาฟื้นตัวแล้ว เรื่องของ เอาต์ซอร์ซ จากประเทศดังกล่าวน่าจะกลับเข้าไปในอินเดียมากขึ้น
ส่วนประเทศจีนนั้น เศรษฐกิจของประเทศมีความแน่นอนกว่าว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งหลังจาการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจบลงเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น รวมถึงในส่วนของอุตสาหรรมต่างๆภายในประเทศจีนดีขึ้นไปด้วย
นายธีรนาถ ยังกล่าวต่อว่า เศรษฐกิจของทั้งประเทศจีนและอินเดียล้วนพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดังนั้นแล้วผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทั้ง 2 ประเทศนี้ได้รับจากทางสหรัฐอเมริกาและยุโรป นั้นจึงอยู่ในระดับที่ตํ่า ขณะเดียวกัน สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของเอเชียนั้นเป็นลักษณะของการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก ทำให้เมื่อเศรษฐกิจได้รับผลกระทบแล้ว การฟื้นตัวของแต่ละประเทศจึงขึ้นอยู่กับว่าประเทศไหนจะฟื้นตัวก่อนกัน
ส่วนแนวโน้ม การลงทุนในอินเดียกับจีน ใน 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าน่าจะมีทิศทางที่ดี เพราะภาวะตลาดหุ้นของทั้งจีนและอินเดียตกลงมาอยู่ในระดับที่มีความน่าสนใจ จึงเชื่อว่าน่าจะมีเงินเข้าไปลงุทนในช่วงนี้มาก
นาย วจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์ ผู้จัดการกองทุน บลจ. ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศจีนในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นจากที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจจีนเกิดการชะลอตัว อันเป็นผลมาจากการลดปริมาณการนำเข้าเพื่อทำการลดปริมาณมลพิษ ในช่วงที่มีการแข่งขันโอลิมปิค แต่หลังจากที่การแข่งขันจบลงไปแนวโน้มการบริโภคหรือการนำเข้าของประเทศจีนจะมีการปรับตัวกลับมาเหมือนเดิม เพราะปัจจัยการบริโภคภายในประเทศของจีนเองที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ประเทศจีนยังมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอีกในเกือบทุกเมืองไม่เฉพาะเมืองปักกิ่งที่เป็นเมืองหลวงเท่านั้น
ด้าน นายวิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนว่า ในช่วง 2 ไตรมาสที่เหลือนี้ เศรษฐกิจของประเทศจีนยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่สูงอยู่แต่อาจปรับตัวลดลงมาบ้างเล็กน้อย ทั้งนี้ ปัจจัยที่ยังต้องจับตามองคือตลาดหุ้นของประเทศสหรัฐฯกับยุโรป ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของซัพไพรม์อยู่รวมทั้งตลาดหุ้นของประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้จะส่งผลมาถึงตลาดหุ้นของประเทศจีนด้วย
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า จากภาวะราคานํ้ามันที่ปรับตัวลดลงมานั้น ช่วยส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียอย่างจีนกับอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่และมีการเข้ามาลงทุนมากในตลาดหุ้น
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาประเทศในแถบเอเชียได้รับผลกระทบจากเรื่องของปัญหาซัพไพรม์ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเรื่องของราคานํ้ามัน และปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงมา ดังนั้นจึงส่งผลให้ตลาดหุ้นของประเทศต่างๆในเอเชียปรับตัวลดลงมาอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของประเทศอินเดียดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงแล้วมากว่า 30% แต่ในขณะนี้ที่ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวลดลงมาจึงทำให้ตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวดีขึ้น ซึ่งประเทศอินเดียได้มีการคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นในประเทศมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ตํ่าสุดแล้วและน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้
ขณะเดียวกัน บรรดาสื่อมวลชนในต่างประเทศเองยังมองว่าเศรษฐกิจของประเทศอินเดีย รวมทั้งในส่วนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะกลับมาดีดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญคือการมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในระดับสูงอยู่ซึ่งส่งผลไปถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุน
นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ เศรษฐกิจของอินเดียในช่วงที่ผ่านมา ได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศ หรือ เอาต์ซอร์ซ (Outsource) เข้าในในอินเดียเป็นจำนวนมาก โดยมีประเทศสหรัฐฯและยุโรปเป็นหลัก ดังนั้นการที่เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปมีการปรับตัวลงมาจึงส่งผลโดยตรงต่อเรื่องดังกล่าว แต่หากเศรษฐกิจของสหรัฐกับยุโรปกลับมาฟื้นตัวแล้ว เรื่องของ เอาต์ซอร์ซ จากประเทศดังกล่าวน่าจะกลับเข้าไปในอินเดียมากขึ้น
ส่วนประเทศจีนนั้น เศรษฐกิจของประเทศมีความแน่นอนกว่าว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งหลังจาการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจบลงเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น รวมถึงในส่วนของอุตสาหรรมต่างๆภายในประเทศจีนดีขึ้นไปด้วย
นายธีรนาถ ยังกล่าวต่อว่า เศรษฐกิจของทั้งประเทศจีนและอินเดียล้วนพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดังนั้นแล้วผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทั้ง 2 ประเทศนี้ได้รับจากทางสหรัฐอเมริกาและยุโรป นั้นจึงอยู่ในระดับที่ตํ่า ขณะเดียวกัน สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของเอเชียนั้นเป็นลักษณะของการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก ทำให้เมื่อเศรษฐกิจได้รับผลกระทบแล้ว การฟื้นตัวของแต่ละประเทศจึงขึ้นอยู่กับว่าประเทศไหนจะฟื้นตัวก่อนกัน
ส่วนแนวโน้ม การลงทุนในอินเดียกับจีน ใน 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าน่าจะมีทิศทางที่ดี เพราะภาวะตลาดหุ้นของทั้งจีนและอินเดียตกลงมาอยู่ในระดับที่มีความน่าสนใจ จึงเชื่อว่าน่าจะมีเงินเข้าไปลงุทนในช่วงนี้มาก
นาย วจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์ ผู้จัดการกองทุน บลจ. ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศจีนในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นจากที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจจีนเกิดการชะลอตัว อันเป็นผลมาจากการลดปริมาณการนำเข้าเพื่อทำการลดปริมาณมลพิษ ในช่วงที่มีการแข่งขันโอลิมปิค แต่หลังจากที่การแข่งขันจบลงไปแนวโน้มการบริโภคหรือการนำเข้าของประเทศจีนจะมีการปรับตัวกลับมาเหมือนเดิม เพราะปัจจัยการบริโภคภายในประเทศของจีนเองที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ประเทศจีนยังมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอีกในเกือบทุกเมืองไม่เฉพาะเมืองปักกิ่งที่เป็นเมืองหลวงเท่านั้น
ด้าน นายวิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนว่า ในช่วง 2 ไตรมาสที่เหลือนี้ เศรษฐกิจของประเทศจีนยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่สูงอยู่แต่อาจปรับตัวลดลงมาบ้างเล็กน้อย ทั้งนี้ ปัจจัยที่ยังต้องจับตามองคือตลาดหุ้นของประเทศสหรัฐฯกับยุโรป ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของซัพไพรม์อยู่รวมทั้งตลาดหุ้นของประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้จะส่งผลมาถึงตลาดหุ้นของประเทศจีนด้วย