xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยลุ้นคดียุบพรรค โบรกฯออกโรงเตือนแตะ717ขายทำกำไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนรอผลคดียุบพรรคการเมือง-แก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้โบรกเกอร์ คาดการณ์ดัชนีอาจจะปรับเพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้น หลังราคาน้ำมันตลาดโลกลดช่วยผ่อนคลายอัตราเงินเฟ้อ พร้อมแนะลงทุนหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์จากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มแบงก์-อสังหาริมทรัพย์-ค้าปลีก เตือนจุดอันตรายที่ระดับ 717 จุดให้ขายทำกำไร

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น หลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ได้หลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหนีคดีที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ เพราะนักลงทุนต่างมองว่าจะช่วยคลี่คลายให้สถานการณ์ทางการเมืองลดความร้อนแรงลงได้ แต่ขณะที่อีกฝ่ายกลับมองว่าการเมืองจะยังไม่สงบ แม้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานจะไม่อยู่ในประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในภาวะอึกครึมอีกครั้ง

ล่าสุด (15 ส.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 707.48 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 1.88 จุด หรือคิดเป็น 0.27% ทำให้มูลค่าการซื้อขายตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. 51 นักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิสูงถึง 6,114.09 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 5,831.40 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 282.69 ล้านบาท

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ หลักทรัพย์ (บล.)ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS เปิดเผยว่า บริษัทคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยไทยน่าจะได้รับผลดีมากที่สุดในเอเชียจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เพราะไทยนำเข้าน้ำมันมากที่สุด และจะส่งผลให้ชะลอในเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยในครั้งต่อไป

ส่วนประเด็นเรื่องผลประกอบการประจำไตรมาส 2/51 ของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนนั้น ยังถือว่าเป็นมีผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยเล็กน้อย รวมถึงจากที่บริษัทจดทะเบียนจะมีการพบกับนักวิเคราะห์ ทำให้นักวิเคราะห์มีมุมมองที่ดีขึ้น

"ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ คาดว่าจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อในระยะสั้นจากการที่ราคาน้ำมันโลกอ่อนตัวลดลงต่อเนื่อง ทำให้ลดแรงกดดันเงินเฟ้อทั่วโลกที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบ้านเราจะได้ผลดีที่สุด จากที่เรานำเข้าน้ำมันมากที่สุด และทำให้การขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไปของเราจะยังไม่รีบร้อนที่จะขึ้น"นางสาวจิตรา กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระยะสั้นตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ แต่นักลงทุนต้องติดตามและระมัดระวังปัจจัยด้านการเมือง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และท่าทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ในช่วงที่ผ่านมาตลาดได้รับรู้ข่าวดังกล่าวไปแล้วทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงอยู่ที่ 660-661 จุด

นางสาวจิตรา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือนนั้น จะส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น จากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร ค้าปลีก โรงพยาบาล ฯลฯ

"ระยะนี้จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากราคาน้ำมันลดลง ทำให้การเก็งกำไรในตลาดน้ำมันลดลง นักลงทุนจึงหันมาลงทุนในตลาดอื่นๆ บวกกับตลาดตราสารหนี้ หรือพันธบัตรเองก็ยังไม่มีความน่าสนใจมากนัก แม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเอเชียยังมีว่ามีความเสี่ยงจากการที่เป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทยเองยังมีแรงกดดันจากปัจจัยการเมือง ซึ่งจะทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาไม่มากนักในระยะสั้น"
ทั้งนี้ บริษัทประเมินแนวรับที่ระดับ 696 จุด แนวต้านที่รับ 717 จุด โดยหากดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับแนวต้านแนะนำให้นักลงทุนมีการทยอยขายทำกำไร

นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย ) จำกัด (มหาชน)หรือ KEST กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้จะมีการแกว่งตัวค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากความเสี่ยงทางการเมืองได้ผ่านจุดที่เสี่ยงที่สุดไปแล้ว ทำให้ปัจจัยทางการเมืองน่าจะดีขึ้น จึงถือเป็นโอกาสที่จะทยอยสะสมหุ้นได้

พร้อมกันนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วันที่ 27 สิงหาคมนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่คณะกรรมการกนง. จะมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.5% จากการที่อัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาที่ 9.2% รวมถึงกรณีที่ธปท. ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะไม่ถึง 2 หลัก ทำให้คลายความกังวลการที่เงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงในปีนี้ และยืนยันที่จะคงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ฯลฯ ที่เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา

"สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยคงจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่แรงนัก เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา รวมทั้งยังต้องรอความชัดเจนทางการเมืองก่อน โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 700 จุด แนวต้านที่ระดับ 715 จุด" นางสาวมยุรี กล่าว

ตลาดหุ้นผันผวนรอคดียุบพรรค
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน แต่นักลงทุนเองจะต้องจับตาประเด็นเรื่องการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ การพิจารณาคดียุบพรรคพลังประชาชน และพรรคอื่นๆ รวมถึงการพิจารณาไต่สวนคดีที่ดินรัชดา ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา

ขณะที่บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยมีปัจจัยที่ยังต้องจับตาได้แก่ ความเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยเฉพาะคดียุบพรรค ตัวเลขส่งออกและนำเข้าของกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงการรายงานตัวเลขสินเชื่อประจำเดือนของธนาคารพาณิชย์ในช่วงปลายสัปดาห์

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ แนวโน้มของราคาน้ำมันในตลาดโลก และการปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ดังนั้นจึงประเมินแนวรับไว้ที่ 690 จุด และ 686 จุด และแนวต้านที่ 718 จุด และ 728 จุด ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น