xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนรวมปีหนูวูบ8.4หมื่นล้าน ไทยพาณิชย์รั้งแชมป์เบอร์1ต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนรวมปีหนูติดลบ วิกฤตการเงินโลก-หุ้นตก-แบงก์ดึงเงินฝาก ฉุดเงินลงทุนวูบ 84,772.14 ล้านบาท พบบรรดาบลจ. สินทรัพย์วูบกันถ้วนหน้า แต่ "กสิกรไทย" ยังแกร่ง โกยเงินเข้าพอร์ตสูงสุด 17,355.59 ล้านบาท ขณะที่บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังรั้งแชมป์เบอร์หนึ่ง ด้วยเงินลงทุนรวม 2.88 แสนล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในธุรกิจกองทุนรวมตลอดปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยด้วยกัน จนส่งผลให้การเติบโตตลอดทั้งปี เป็นไปอย่างทุลักทุเล ล่าสุดสมาคมบริษัทจัดการลงทุน รายงายถึงตัวเลขเงินลงทุน ณ วันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า กองทุนรวมทั้งระบบมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,341,854.78 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับจำนวนเงินลงทุนรวม ณ สิ้นปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ 1,426,626.92 ล้านบาท โดยคิดเป็นจำนวนเงินที่ลดลงทั้งสิ้น 84,772.14 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการสำรวจส่วนแบ่งการตลาดจากจำนวนบริษัทจัดการทั้งระบบ 21 บริษัท พบว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นเป็นบลจ.ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในส่วนของกองทุนรวม โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 288,512.27 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 12,982.15 ล้านบาท ซึ่งมีเงินลงทุนรวม 301,494.43 ล้านบาท

อันดับ 2 ยังคงเป็น บลจ.กสิกรไทยเช่นกัน โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 249,234.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 17,355.59 ล้านบาท ซึ่งมีเงินลงทุนรวม 231,879.13 ล้านบาท ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ถือว่าเป็นบริษัทจัดการที่มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นสูงสุดตลอดปี 2551 ที่ผ่านมา

สำหรับอันดับ 3 ได้แก่บลจ. ทหารไทย ด้วยเงินลงทุนรวม 127,915.45 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนถึง 10,443.05 ล้านบาท ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 138,358.51 ล้านบาท อันดับ 4 . บลจ.บัวหลวง ที่มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 127,680.63 ล้านบาท ลดลงประมาณ 8,412.21 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวม 136,092.84 ล้านบาทในปีก่อนหน้านี้ อันดับ 5 บลจ.กรุงไทย ด้วยเงินลงทุนรวม 111,387.00 ล้านบาท ลดลงประมาณ 7,720.51 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวมของปีก่อนที่ 119,107.52 ล้านบาท

อันดับ 6 . บลจ. เอ็มเอฟซี ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 102,338.36 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนเงินที่ลดลงประมาณ 11,243.18 ล้านบาทจากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งมีเงินลงทุนรวม 113,581.54 ล้านบาท อันดับ 7 บลจ. ธนชาต ด้วยจำนวนเงินลงทุนรวม 79,708.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปีก่อนที่มีเงินลงทุน 70,853.25 ล้านบาทอยู่ประมาณ 8,854.88 ล้านบาท

อันดับ 8 บลจ.ไอเอ็นจี โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 52,446.29 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 4,020.85 ล้านบาท ซึ่งมีเงินลงทุนรวม 56,467.15 ล้านบาท อันดับ 9 บลจ. ยูโอบี ด้วยเงินลงทุนรวม 47,604.35 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนถึง 13,404.44 ล้านบาท ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 61,008.79 ล้านบาท และอันดับ 10 บลจ.อยุธยา ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 34,946.40 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนเงินที่ลดลงประมาณ 8,513.67 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า ซึ่งมีเงินลงทุนรวม 43,460.07 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจกองทุนรวมติดลบ ส่วนหนึ่งเนื่องจากวิกฤตการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การระดมทุนในธุรกิจกองทุนรวมทำได้ยากขึ้น เพราะเจ้าของเงินเอง ตัดสินใจเอาเงินมาลงทุนยากขึ้น ขณะเดียวกัน วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลด้านจิตวิทยาต่อนักลงทุนด้วยเช่นกัน นั่นคือ นักลงทุนกังวลการขาดทุน เนื่องจากหุ้นในประเทศและหุ้นต่างประเทศเองปรับลดลงอย่างรุนแรงเกือบครึ่งหนึ่งได้ ทำให้กังวลว่าถ้าเข้ามาลงทุนก็จะได้รับผลกระทบโดยตรงในเรื่องของการขาดทุน ซึ่งสถานการณ์อย่างนี้ จะยังต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

ทั้งนี้ จากการลดลงของราคาหุ้นดังกล่าว ส่งผลต่อเนื่องถึงมูลค่าเงินลงทุนในกองทุนหุ้นด้วย โดยหากเทียบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงถึง 50% ซึ่งสาเหตุดังกล่าวทำให้เอ็นเอวีของกองทุนลดลงเป็นจำนวนมาก และเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินลงทุนในกองทุนรวมทั้งระบบลดลงด้วย

นอกจากนี้ การครบกำหนดอายุของกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ (ECP) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะในช่วงนั้นธนาคารพาณิชย์เองออกเคมเปญระดมเงินฝาก ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินลงทุนในกองทุนที่ครบอายุ ไม่มีการลงทุนต่อแต่โยกไปอยู่ในระบบฝากเงินแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น