บลจ.กรุงไทย ปิดระดมทุน "กรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้3เดือน5" กวาดยอดจองซื้อได้กว่า 800 ล้านบาท ชี้นักลงทุนส่วนใหญ่ เป็นลูกค้าที่เล็งเห็นผลตอบแทนสูงกว่าในประเทศ ระบุรอลุ้นผลประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ ต้นเดือนมกราคมปีหน้า หากให้ผลตอบแทนดีก็ส่งกองใหม่ลงทุนต่อ แต่หากใกล้เคียง เล็งดึงกลับมาลงทุนในประเทศแทน
นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ รักษาการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด 1 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้3เดือน5 ( KTSUP3M5) ไประหว่างวันที่ 9 – 16 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกองทุนที่ออกไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ปรากฏว่าสามารถระดมเม็ดเงินจากนักลงทุนได้ประมาณ 800 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เงินลงทุนที่เข้ามานั้น มาจากนักลงทุนเล็งเห็นผลตอบแทนที่จะได้รับจากกองทุน KTSUP3M5 ซึ่งให้ผลตอบแทนได้มากกว่าการลงทุนในประเทศ แม้จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะออกกองทุนเกาหลีใต้เพิ่มหรือไม่นั้น จะต้องรอพิจารณาผลการประชุมของธนาคารกลางเกาหลีใต้ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม 2552 โดยจะสามารถให้ความชัดเจนได้แก่นักลงทุนได้ในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาถึงผลการประชุมว่า มีแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นหรือไม่ ซึ่งหากผลการประชุมมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ในส่วนของผลตอบแทนของกองทุน KTSUP3M5 ก็จะไม่ปรับตัวลดลงตามไปด้วย
ดังนั้น นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน KTSUP3M5 จึงมีความมั่นใจได้ว่า ผลตอบแทนที่จะได้รับจากกองทุนยังคงเท่าเดิม แต่ทั้งนี้ หากพบว่าหลังการประชุมมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว แต่อัตราดอกเบี้ยระหว่างในประเทศกับประเทศเกาหลีใต้ยังใกล้เคียงหรือเท่ากัน บริษัทจะเปลี่ยนมาลงทุนในประเทศพันธบัตรในประเทศแทน
"เมื่อเปรียบเทียบถึงผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับจากการลงทุนในต่างประเทศ บลจ.ไม่มีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับไม่มีความน่าจูงใจ อีกทั้งความเสี่ยงในการลงทุนนั้น มีมากกว่าการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ที่ออกโดยรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยังมองไม่เห็นประเทศที่ให้ความมั่นคงและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีเท่ากับประเทศเกาหลีใต้"นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้3เดือน5 ( KTSUP3M5) มีอายุโครงการ 3 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ในสัดส่วน 75% และลงทุนในเงินฝาก และบัตรเงินฝากของธนาคารทิสโกอีก 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 3.80% ต่อปี และตราสารที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ทั้งนี้ ความเสี่ยงของพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ขึ้นอยู่กับฐานะการคลังของรัฐบาล ภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ โดยฝ่ายวิจัยของบริษัทเห็นว่าฐานะการคลัง ของเกาหลีใต้มีอัตราการก่อหนี้การคลังสุทธิ 33% ของ GDP ต่ำกว่าประเทศในกลุ่ม OECD ที่ส่วนใหญ่จะก่อหนี้อัตราสูงกว่า 60% ของ GDP และที่ผ่านฐานะการคลังยังคงเกินดุลต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าประเทศมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะใช้นโยบายการคลังขยายตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ของกองทุน KTSUP3M5 จะลงทุนในตราสารรุ่นที่มีอายุใกล้เคียงกับอายุกองทุน และมีการทำสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าทั้งจำนวนให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่จะได้รับจากเงินลงทุน ดังนั้น จึงไม่มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต ส่วนคู่สัญญาจะทำกับสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงสูง
นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ รักษาการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด 1 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้3เดือน5 ( KTSUP3M5) ไประหว่างวันที่ 9 – 16 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกองทุนที่ออกไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ปรากฏว่าสามารถระดมเม็ดเงินจากนักลงทุนได้ประมาณ 800 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เงินลงทุนที่เข้ามานั้น มาจากนักลงทุนเล็งเห็นผลตอบแทนที่จะได้รับจากกองทุน KTSUP3M5 ซึ่งให้ผลตอบแทนได้มากกว่าการลงทุนในประเทศ แม้จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะออกกองทุนเกาหลีใต้เพิ่มหรือไม่นั้น จะต้องรอพิจารณาผลการประชุมของธนาคารกลางเกาหลีใต้ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม 2552 โดยจะสามารถให้ความชัดเจนได้แก่นักลงทุนได้ในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาถึงผลการประชุมว่า มีแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นหรือไม่ ซึ่งหากผลการประชุมมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ในส่วนของผลตอบแทนของกองทุน KTSUP3M5 ก็จะไม่ปรับตัวลดลงตามไปด้วย
ดังนั้น นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน KTSUP3M5 จึงมีความมั่นใจได้ว่า ผลตอบแทนที่จะได้รับจากกองทุนยังคงเท่าเดิม แต่ทั้งนี้ หากพบว่าหลังการประชุมมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว แต่อัตราดอกเบี้ยระหว่างในประเทศกับประเทศเกาหลีใต้ยังใกล้เคียงหรือเท่ากัน บริษัทจะเปลี่ยนมาลงทุนในประเทศพันธบัตรในประเทศแทน
"เมื่อเปรียบเทียบถึงผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับจากการลงทุนในต่างประเทศ บลจ.ไม่มีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับไม่มีความน่าจูงใจ อีกทั้งความเสี่ยงในการลงทุนนั้น มีมากกว่าการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ที่ออกโดยรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยังมองไม่เห็นประเทศที่ให้ความมั่นคงและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีเท่ากับประเทศเกาหลีใต้"นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้3เดือน5 ( KTSUP3M5) มีอายุโครงการ 3 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ในสัดส่วน 75% และลงทุนในเงินฝาก และบัตรเงินฝากของธนาคารทิสโกอีก 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณการที่ 3.80% ต่อปี และตราสารที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ทั้งนี้ ความเสี่ยงของพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ขึ้นอยู่กับฐานะการคลังของรัฐบาล ภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ โดยฝ่ายวิจัยของบริษัทเห็นว่าฐานะการคลัง ของเกาหลีใต้มีอัตราการก่อหนี้การคลังสุทธิ 33% ของ GDP ต่ำกว่าประเทศในกลุ่ม OECD ที่ส่วนใหญ่จะก่อหนี้อัตราสูงกว่า 60% ของ GDP และที่ผ่านฐานะการคลังยังคงเกินดุลต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าประเทศมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะใช้นโยบายการคลังขยายตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ของกองทุน KTSUP3M5 จะลงทุนในตราสารรุ่นที่มีอายุใกล้เคียงกับอายุกองทุน และมีการทำสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าทั้งจำนวนให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่จะได้รับจากเงินลงทุน ดังนั้น จึงไม่มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต ส่วนคู่สัญญาจะทำกับสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงสูง
