นครหลวงไทย เผย ศก. ออสซี่โดนผลกระทบเล็กน้อย หลังสถาบันการเงินเมืองลุงแซมล้มละลาย "นที"แนะจับตาราคาน้ำมัน แม้ปรับตัวลดลง หวั่งกระทบเงินเฟ้ออีกระลอก ด้านไอเอ็มเอฟระบุเศรษฐกิจออสเตรเลียปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจดี และจะรอดพ้นจากผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวถึง เศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลีย ในขณะนี้ว่า ภายหลังจากที่บรรดาวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ในสหรัฐได้ล้มละลายลงนั้น ได้ส่งผลกระทบมาถึงประเทศออสเตรเลียเช่นกัน แต่ไม่ส่งผลกระทบมากเท่ากับประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆในยุโรป
ทั้งนี้ สัดส่วนของการเข้ามาลงทุนในประเทศออสเตรเลียของวาณิชธนกิจที่ล้มละลายลงไปอย่าง บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส นั้น คงมีอยู่บ้างแต่คงเป็นสัดส่วนที่ไม่มากดังนั้นเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียจึงไม่ได้รับผลกระทบที่มากมายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อนั้น ขณะนี้ราคานํ้ามันได้มีการปรับตัวลดลงมา แต่ยังคงต้องจับตามองในเรื่องของราคานํ้ามันไปต่ออีก
นายนที กล่าวว่า การล้มละลายของวาณิชธนกิจดังกล่าวนี้ ได้ส่งผลกระทบไปถึงประเทศต่างๆทั่วโลกอย่างแน่นอนเพราะ ในส่วนของตราสารการลงทุนที่วาณิชธนกิจเหล่านี้ไปลงทุนอยู่นั้นมีการโยงใยผูกพันกันไปทั่วโลก ซึ่งแน่นนอนว่าประเทศต่างๆย่อมได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนแต่จะได้รับผลกระทบมากหรือน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวลดลงมานี้ยังส่งผลไปถึงในเรื่องของการจ้างงานด้วยเช่นกัน โดยบรรดาบริษัทต่างที่ได้รับผลกระทบก็จะมีการเลิกจ้างพนักงานของบริษัทตนเองลงเพื่อรักษาฐานะทางการเงินของบริษัทไว้
สำหรับ บลจ. นครหลวงไทยนั้น มีกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรออสเตรเลีย ซึ่งเป็นกองทุนที่เข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 3 เดือน เป็นกองทุนเปิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ และเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund)
ขณะเดียวกัน กองทุนรวมจะนำเงินไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐของประเทศออสเตรเลียหรือตราสารที่มีรูปแบบทำนองเดียวกับตราสารภาครัฐไทยที่รัฐบาล องค์การหรือหน่วยงานของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายต่างประเทศ ของประเทศออสเตรเลียเป็นผู้ออกหรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล
นอกจากนี้รายงานข่าวระบุว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ได้เปิดเผยออกมาว่า เศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียนั้น มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่จะรอดพ้นจากผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ หลังจากเศรษฐกิจออสเตรเลียมีการชะลอตัวลง
โดยรายงาน Article IV ประจำปีของไอเอ็มเอฟที่เผยแพร่วานนี้ (24 ก.ย) ได้ระบุว่า เห็นด้วยกับการตัดสินใจของธนาคารกลางออสเตรเลียที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 7% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่ง ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า การตัดสินใจของรัฐบาลออสเตรเลียที่จะชะลอการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ และเพิ่มการเกินดุลงบประมาณจะช่วยทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลง
นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวถึง เศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลีย ในขณะนี้ว่า ภายหลังจากที่บรรดาวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ในสหรัฐได้ล้มละลายลงนั้น ได้ส่งผลกระทบมาถึงประเทศออสเตรเลียเช่นกัน แต่ไม่ส่งผลกระทบมากเท่ากับประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆในยุโรป
ทั้งนี้ สัดส่วนของการเข้ามาลงทุนในประเทศออสเตรเลียของวาณิชธนกิจที่ล้มละลายลงไปอย่าง บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส นั้น คงมีอยู่บ้างแต่คงเป็นสัดส่วนที่ไม่มากดังนั้นเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียจึงไม่ได้รับผลกระทบที่มากมายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อนั้น ขณะนี้ราคานํ้ามันได้มีการปรับตัวลดลงมา แต่ยังคงต้องจับตามองในเรื่องของราคานํ้ามันไปต่ออีก
นายนที กล่าวว่า การล้มละลายของวาณิชธนกิจดังกล่าวนี้ ได้ส่งผลกระทบไปถึงประเทศต่างๆทั่วโลกอย่างแน่นอนเพราะ ในส่วนของตราสารการลงทุนที่วาณิชธนกิจเหล่านี้ไปลงทุนอยู่นั้นมีการโยงใยผูกพันกันไปทั่วโลก ซึ่งแน่นนอนว่าประเทศต่างๆย่อมได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนแต่จะได้รับผลกระทบมากหรือน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวลดลงมานี้ยังส่งผลไปถึงในเรื่องของการจ้างงานด้วยเช่นกัน โดยบรรดาบริษัทต่างที่ได้รับผลกระทบก็จะมีการเลิกจ้างพนักงานของบริษัทตนเองลงเพื่อรักษาฐานะทางการเงินของบริษัทไว้
สำหรับ บลจ. นครหลวงไทยนั้น มีกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรออสเตรเลีย ซึ่งเป็นกองทุนที่เข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 3 เดือน เป็นกองทุนเปิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ และเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund)
ขณะเดียวกัน กองทุนรวมจะนำเงินไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐของประเทศออสเตรเลียหรือตราสารที่มีรูปแบบทำนองเดียวกับตราสารภาครัฐไทยที่รัฐบาล องค์การหรือหน่วยงานของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายต่างประเทศ ของประเทศออสเตรเลียเป็นผู้ออกหรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล
นอกจากนี้รายงานข่าวระบุว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ได้เปิดเผยออกมาว่า เศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลียนั้น มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่จะรอดพ้นจากผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ หลังจากเศรษฐกิจออสเตรเลียมีการชะลอตัวลง
โดยรายงาน Article IV ประจำปีของไอเอ็มเอฟที่เผยแพร่วานนี้ (24 ก.ย) ได้ระบุว่า เห็นด้วยกับการตัดสินใจของธนาคารกลางออสเตรเลียที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 7% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่ง ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า การตัดสินใจของรัฐบาลออสเตรเลียที่จะชะลอการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ และเพิ่มการเกินดุลงบประมาณจะช่วยทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลง