บลจ.แอสเซท พลัส ส่ง "แอสเซทพลัสพันธบัตรรัฐบาล 1" เอาใจลูกค้าชอบความเสี่ยงต่ำ ชูผลตอบเเทนถึง 3.50 ต่อปี เปิดไอพีโอตั้งเเต่วันนี้ถึง 30 กันยายน พร้อมทั้งเปิดขายกองทุนโรโอเวอร์อีกรอบทั้ง "แอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3" ในวันที่ 26 กันยายน เเละ"แอสเซทพลัสตราสารหนี้คืนกำไร 1"ในวันที่ 29 กันยายนนี้
![นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ](https://mpics.mgronline.com/pics/Images/551000012233401.JPEG)
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่าในสัปดาห์นี้ ทางบลจ.จะเสนอกองทุนใหม่ พร้อมทั้งขายเปิดรอบการลงทุนใหม่อีก 2 กองทุนด้วย โดย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพันธบัตรรัฐบาล 1 (ASP-ACGOV1)ซึ่งกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย เเละหรือ ตราสารภาครัฐต่างประเทศ ทั้งนี้เมื่อรวมกันเเล้ว โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในตราสารที่มีอายุคงเหลือใกล้เคียงกับกรอบระยะเวลาการลงทุนในเเต่ละรอบ โดยส่วนที่เหลืออาจจะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ตราสารหนี้กึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน เเละหรือเงินฝาก กองทุนอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัถตุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging)โดยจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเเฝง (Structured Note) โดยคาดการณ์ผลตอบเเทนของกองทุนหลังจากหักค่าใช้จ่าย 0.30% ที่ 3.50%ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเสนอขายตั้งเเต่วันนี้ถึง30 กันยายน 25551
สำหรับกองทุนที่เปิดขายรอบใหม่ได้เเก่ ได้เเก่กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 (ASP-P6M3) เเละกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้คืนกำไร 1 (ASP-ARF1) โดยกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 มีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 1,700 ล้านบาท เเละได้รับอนุมัติจัดตั้งกองทุนในวันที่ 24 กันยายน 2550 ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในต่างประเทศ ไม่น้อยกกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ เเละหรือเงินฝากระยะสั้น หรือตราสารเทียบเท่าเงินสด (Near Cash) ระยะสั้น ซึ่งสถาบันการเงินในประเทศที่กองทุนได้ลงทุนเป็นผู้ออก โดนอาจทำสัญญาสวอปเเละหรือสัญญาฟอร์สเวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราเเลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากอัตราเเลกเปลี่ยน ทั้งนี้กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบเเทนอ้างอิงตัวเเปร (Structured Note) รวมถึง Credit Linked Note กองทุนอาจพิจาณาลงทุนในสินทรัพย์สภาพคล่อง ตราสารเเห่งหนี้ เงินฝากในประเทศ ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ซึ่งจากผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่คาดว่าจะลงทุนหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.30% จะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 4.00% ต่อปี โดยจะเปิดขายรอบใหม่ในวันที่ 26 กันยายน 2551
ขณะที่กองทุนกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้คืนกำไร 1 (ASP-ARF1) จะเน้นลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ ตราสารทางการเงินเเละหรือตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศ เเละหรือเงินฝาก โดยอาจทำสัญญาสวอป เเละหรือสัญญาฟอร์สเวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราเเลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ภาครัฐไทย อายุ 1 ปี ประมาณ 80% ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย ประมาณ 20% โดยคาดการณ์ผลตอบเเทนหลักหักค่าใช้จ่าย 0.30% ที่ 3.50-3.55% ต่อปี ซึ่งจะเปิดรอบการลงทุนใหม่ ในวันที่ 29 กันยายน 2551
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในสภาวะการลงทุนปัจจุบันมีความผันผวนจากปัญหาทางด้านการเงินของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะข่าวการประกาศล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์ของเลห์แมน บราเธอร์ส การเข้าถือหุ้นในเมอร์ริล ลินซ์ ของแบงก์ ออฟ อเมริกา และการขอกู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องของ AIG ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนมีความกังวลในเรื่องของสถานการณ์การลงทุนที่มีผลกระทบต่อสถานะการลงทุนของกองทุนรวมทั้งอุตสาหกรรม โดยมีการสอบถามเข้ามายังสมาคมอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐได้ประกาศมาตรการฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินด้วยงบประมาณ 700,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อแก้ไขหนี้เสียภาคอสังหาริมทรัพย์และปัญหาสถาบันการเงินที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าสามารถฟื้นความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาได้ โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับมาตรการการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของ บลจ. แอสเซท พลัส กองทุนที่อยู่ภายใต้การจัดการทั้งหมดของบริษัทฯ ไม่ได้ลงทุนในตราสารหรือหลักทรัพย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ด้านการเงินดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบ เพื่อคลายความกังวลในเรื่องดังกล่าวแล้ว
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่าในสัปดาห์นี้ ทางบลจ.จะเสนอกองทุนใหม่ พร้อมทั้งขายเปิดรอบการลงทุนใหม่อีก 2 กองทุนด้วย โดย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพันธบัตรรัฐบาล 1 (ASP-ACGOV1)ซึ่งกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย เเละหรือ ตราสารภาครัฐต่างประเทศ ทั้งนี้เมื่อรวมกันเเล้ว โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในตราสารที่มีอายุคงเหลือใกล้เคียงกับกรอบระยะเวลาการลงทุนในเเต่ละรอบ โดยส่วนที่เหลืออาจจะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ตราสารหนี้กึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน เเละหรือเงินฝาก กองทุนอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัถตุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging)โดยจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเเฝง (Structured Note) โดยคาดการณ์ผลตอบเเทนของกองทุนหลังจากหักค่าใช้จ่าย 0.30% ที่ 3.50%ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเสนอขายตั้งเเต่วันนี้ถึง30 กันยายน 25551
สำหรับกองทุนที่เปิดขายรอบใหม่ได้เเก่ ได้เเก่กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 (ASP-P6M3) เเละกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้คืนกำไร 1 (ASP-ARF1) โดยกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 มีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 1,700 ล้านบาท เเละได้รับอนุมัติจัดตั้งกองทุนในวันที่ 24 กันยายน 2550 ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในต่างประเทศ ไม่น้อยกกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ เเละหรือเงินฝากระยะสั้น หรือตราสารเทียบเท่าเงินสด (Near Cash) ระยะสั้น ซึ่งสถาบันการเงินในประเทศที่กองทุนได้ลงทุนเป็นผู้ออก โดนอาจทำสัญญาสวอปเเละหรือสัญญาฟอร์สเวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราเเลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากอัตราเเลกเปลี่ยน ทั้งนี้กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบเเทนอ้างอิงตัวเเปร (Structured Note) รวมถึง Credit Linked Note กองทุนอาจพิจาณาลงทุนในสินทรัพย์สภาพคล่อง ตราสารเเห่งหนี้ เงินฝากในประเทศ ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ซึ่งจากผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ที่คาดว่าจะลงทุนหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.30% จะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 4.00% ต่อปี โดยจะเปิดขายรอบใหม่ในวันที่ 26 กันยายน 2551
ขณะที่กองทุนกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้คืนกำไร 1 (ASP-ARF1) จะเน้นลงทุนในตราสารเเห่งหนี้ ตราสารทางการเงินเเละหรือตราสารเเห่งหนี้ต่างประเทศ เเละหรือเงินฝาก โดยอาจทำสัญญาสวอป เเละหรือสัญญาฟอร์สเวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราเเลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ภาครัฐไทย อายุ 1 ปี ประมาณ 80% ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย ประมาณ 20% โดยคาดการณ์ผลตอบเเทนหลักหักค่าใช้จ่าย 0.30% ที่ 3.50-3.55% ต่อปี ซึ่งจะเปิดรอบการลงทุนใหม่ ในวันที่ 29 กันยายน 2551
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในสภาวะการลงทุนปัจจุบันมีความผันผวนจากปัญหาทางด้านการเงินของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะข่าวการประกาศล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์ของเลห์แมน บราเธอร์ส การเข้าถือหุ้นในเมอร์ริล ลินซ์ ของแบงก์ ออฟ อเมริกา และการขอกู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องของ AIG ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนมีความกังวลในเรื่องของสถานการณ์การลงทุนที่มีผลกระทบต่อสถานะการลงทุนของกองทุนรวมทั้งอุตสาหกรรม โดยมีการสอบถามเข้ามายังสมาคมอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐได้ประกาศมาตรการฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินด้วยงบประมาณ 700,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อแก้ไขหนี้เสียภาคอสังหาริมทรัพย์และปัญหาสถาบันการเงินที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าสามารถฟื้นความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาได้ โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับมาตรการการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของ บลจ. แอสเซท พลัส กองทุนที่อยู่ภายใต้การจัดการทั้งหมดของบริษัทฯ ไม่ได้ลงทุนในตราสารหรือหลักทรัพย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ด้านการเงินดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบ เพื่อคลายความกังวลในเรื่องดังกล่าวแล้ว