xs
xsm
sm
md
lg

อยุธยาหุ้นปันผล 70/30 รั้งแชมป์ผลตอบแทนกองทุนหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อย่างที่ทราบกันดีในช่วงนี้ว่า สถานการณ์ทางการเมืองได้ลดอุณหภูมิความร้อนแรงลงบ้างแล้ว แต่ตลาดหุ้นภายในประเทศก็ยังมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ภายในหนึ่งวันหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ทั้งในแดนบวกและแดนลบ ส่งผลให้นักลงทุนจับทิศทางการลงทุนได้อย่างยากลำบาก ถึงแม้จะได้ข้อสรุปทางการเมืองแล้ว แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นไทยยังคงมีน้อยอยู่ เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกลงทุนอย่างไรที่จะไม่ขาดทุน

แต่เมื่อภาวะตลาดยังคงผันผวนปรับตัวขึ้นลง วันเว้นวัน แถมด้วยราคาหุ้นยังคงแกว่งไปแกว่งมาทุกวัน ดังนั้น การเลือกปรับพอร์ตให้เข้ากับภาวะตลาดในขณะนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้กองทุนขึ้นมาเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดได้

ในวันนี้ คอลัมน์ "Best of Fund" จะขอนำเสนอผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอันดับหนึ่ง มีกลยุทธ์การลงทุนและปรับพอร์ตรับมือกับความผันผวนอย่างไรบ้าง

สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -31.8% และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 21.37 %

ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ กองทุนอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารงานของ บลจ. อยุธยา ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -32.58 % และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 20.59 %

อันดับที่ 3 กองทุนอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ภายใต้การบริหารงานของ บลจ. อเบอร์ดีน ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -33.79 % และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 19.38 %

อันดับที่ 4 กองทุนอยุธยาหุ้นปันผล ภายใต้การบริหารงานของ บลจ. อยุธยา ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -39.56 % และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 13.61%

อันดับที่ 5 กองทุนธนชาติ ฟันดาเมลทอล พลัส ภายใต้การบริหารงานของ บลจ. ธนชาต ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -41.11 % และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 12.06 %

อันดับที่ 6 กองทุนออมสินพัฒนาภูมิภาค ภายใต้การบริหารงานของ บลจ. ธนชาต ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -41.34 % และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.83 %

อันดับที่ 7 กองทุนกรุงไทย-ทรีนิตี้ปันผล ภายใต้การบริหารงานของ บลจ. กรุงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -41.38 % และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.79 %

อันดับที่ 8 กองทุนบัวหลวงธนคม ภายใต้การบริหารงานของ บลจ. บัวหลวง ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -41.71 % และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.46 %

อันดับที่ 9 กองทุนธนชาติทุนเพิ่มทวี ภายใต้การบริหารของ บลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -41.82 % และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.35%

และอันดับที่ 10 กองทุนบัวหลวงทศพล ภายใต้การบริหารของ บลจ.บัวหลวง ซึ่งให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -41.93% และให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 11.24%

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ - 53.17 %

เปิดพอร์ตกองทุนอันดับ 1
สำหรับกองทุนอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 มีนโยบายลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีนโยบายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ครั้ง โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานสิ้นสุดตามช่วงเวลาที่บริษัทจัดการเห็นสมควร ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลหรือกำไรสะสมแล้วแต่กรณี
ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์
ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวว่า การที่ผลตอบแทนกองทุนนี้ออกมาดี ส่วนหนึ่งเพราะมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นน้อยตามนโยบายคือ 70% ซึ่งหลักทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนเอง ก็ปรับตัวลดลงน้อยกว่าการปรับตัวของตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เพราะหุ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นคุณค่าที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไปแล้วกว่า 50% ในขณะที่กองทุนของเรา เฉลี่ยแล้วปรับลดลงไปประมาณ 45% ส่วนหุ้นที่มีการจ่ายปันผลปรับลดลงไปประมาณ 30% กว่าๆ เท่านั้น

"หุ้นที่กองทุนนี้ถือ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง ซึ่งราคาของหุ้นกลุ่มนี้ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามทิศทางของตลาดมากนัก และนักลงทุนต่างชาติเองก็ถือไม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะถือหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET 50 มากกว่า"

สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ในปัจจุบัน มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นประมาณ 60% ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงไปบ้าง ด้วยการขายหุ้นบางตัวออกไป โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและการจ่ายปันผล แล้วไปซื้อหุ้นที่เราเห็นว่ามีอนาคตดีกว่า ส่วนพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้ ยังเต็มพอร์ตอยู่ที่ 30% ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงอีกนั้น ส่งผลดีต่อกองทุนด้วย เพราะกองทุนนี้ ใช้กลยุทธ์การบริหารดูเรชั่น ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางถึงระยะยาว

ทั้งนี้ จากพอร์ตการลงทุนล่าสุด หลักทรัพย์ 10 อันดับแรกที่กองทุนเข้าไปลงทุน (ณ วันที่ 28 พ.ย. 2551) ประกอบด้วย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 13.61% บมจ. ซีพี ออลล์ 10.05% บมจ.ธ.ทิสโก้ 6.18% บมจ.เอ็ม บี เค 3.66% บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 3.56% บมจ.โกลว์ พลังงาน 2.77% บมจ.บีอีซี เวิลด์ 2.50% บมจ.เสริมสุข 2.00% บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล 1.46% และบมจ.สยามแม็คโคร 1.45%
กำลังโหลดความคิดเห็น