บีอีซี เวิลด์ ล้มแผนปรับราคาโฆษณาเดือน ต.ค.นี้ หลังต้นปีปรับแล้ว 2 ครั้ง หวั่นลูกค้าเมิน มั่นใจรายได้กำไรโตเลข 2 หลักจากปีก่อน เหตุเม็ดเงินโฆษณาเพิ่ม-ขยายเวลาละครนานขึ้น พร้อมเดินสายโรดโชว์ทั้งใน-ต่างประเทศ แจงครึ่งปีหลังจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแรก
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC เปิดเผยว่า บริษัทจะยังไม่มีการปรับขึ้นค่าโฆษณาจากเดิมที่จะปรับในช่วงเดือน ตุลาคมนี้ ซึ่งอาจจะเลื่อนปรับขึ้นอีกครั้งมกราคมปี 52 เพราะตั้งแต่ต้นปีบริษัทได้ปรับขึ้นค่าโฆษณามาแล้ว 2 ครั้ง คือปรับค่าโฆษณาช่วง ก่อนข่าว 19.45 น. ประมาณ 10% และหลังข่าวประมาณ 7% รวมถึงค่าโฆษณาหลังจากจบรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงเฉลี่ย 20% และหากบริษัทปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มอีก จะกดดันตลาดและการใช้เม็ดเงินโฆษณาของเอเจนซี่ เพราะอัตราค่าโฆษณาช่วงละคร 450,000 บาทต่อนาทีเท่ากับคู่แข่งแล้ว
"การเติบโตค่าโฆษณาของทางช่อง 3 ถือว่าสวนกระแสกับอุตสาหกรรม และเราได้มีการปรับค่าโฆษณาปีนี้ไปแล้ว 2 ครั้งปีนี้ การปรับขึ้นค่าโฆษณานั้นเราต้องระมัดระวัง เพราะหากแพงกว่าคนอื่นก็จะทำให้ลูกค้าคิดหนักที่จะมาลงโฆษณากับเรา แต่เชื่อว่าเม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมจะยังคงเติบโตดี " นายฉัตรชัย กล่าว
ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่า ครึ่งปีหลังเม็ดเงินโฆษณาจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทในปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2 หลักแน่นอน โดยปี 50 บริษัทมีรายได้ 7,968.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,309.89 ล้านบาท เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณายังคงเติบโตและบริษัทได้ขยายเวลาการขยายเวลาช่วงไพร์มและช่วงซุปเปอร์ไพร์ม อีกทั้งยังสามารถเพิ่มอัตราการใช้เวลาโฆษณาได้ดีขึ้น
สำหรับปัจจัยทางการเมืองหากเรื่องไม่บานปลายและจบได้เร็วเชื่อว่าจะไม่กระทบธุรกิจของบริษัท แต่หากรุนแรงจนถึงขั้นเกิดจราจลขึ้น ก็จะกระทบทำให้เม็ดเงินโฆษณาลดลง เพราะ เมื่อเกิดความวุ่นวายผู้ที่ต้องการโฆษณาขายสินค้า ก็จะขายสินค้าไม่ได้จึงจำเป็นที่จะต้องลดงบค่าโฆษณาลง แต่หวังว่าจะไม่เกิดความรุนแรง เพราะ รัฐบาลหันไปขอหมายศาลแทน
นายฉัตรชัย กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์ )ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในเดือนกันยายน ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ ซีแอลเอสเอ จะมีการจัดงานไทยแลนด์โฟกัสและก็จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงซึ่งไปกับ บล.ซีแอลเอสเอ เช่นกัน และในเดือนตุลาคมบริษัทก็จะไปโรดโชว์ที่อเมริกา ซึ่งบริษัทไปเป็นปกติปีละครั้ง
"บริษัทเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะจ่ายเงินปันผลได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแรกที่จ่ายอัตราหุ้นละ 0.60 บาท คิดเป็น 90% ของกำไรสุทธิ แต่ก็ขึ้นอยู่กับกำไรของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังด้วย แต่เราก็เชื่อว่ากำไรในครึ่งปีหลังจะยังดี ซึ่งผมมั่นใจไม่มีใครจ่ายเงินปันผลได้สูงเท่าเราแล้ว "นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC เปิดเผยว่า บริษัทจะยังไม่มีการปรับขึ้นค่าโฆษณาจากเดิมที่จะปรับในช่วงเดือน ตุลาคมนี้ ซึ่งอาจจะเลื่อนปรับขึ้นอีกครั้งมกราคมปี 52 เพราะตั้งแต่ต้นปีบริษัทได้ปรับขึ้นค่าโฆษณามาแล้ว 2 ครั้ง คือปรับค่าโฆษณาช่วง ก่อนข่าว 19.45 น. ประมาณ 10% และหลังข่าวประมาณ 7% รวมถึงค่าโฆษณาหลังจากจบรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงเฉลี่ย 20% และหากบริษัทปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มอีก จะกดดันตลาดและการใช้เม็ดเงินโฆษณาของเอเจนซี่ เพราะอัตราค่าโฆษณาช่วงละคร 450,000 บาทต่อนาทีเท่ากับคู่แข่งแล้ว
"การเติบโตค่าโฆษณาของทางช่อง 3 ถือว่าสวนกระแสกับอุตสาหกรรม และเราได้มีการปรับค่าโฆษณาปีนี้ไปแล้ว 2 ครั้งปีนี้ การปรับขึ้นค่าโฆษณานั้นเราต้องระมัดระวัง เพราะหากแพงกว่าคนอื่นก็จะทำให้ลูกค้าคิดหนักที่จะมาลงโฆษณากับเรา แต่เชื่อว่าเม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมจะยังคงเติบโตดี " นายฉัตรชัย กล่าว
ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่า ครึ่งปีหลังเม็ดเงินโฆษณาจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทในปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2 หลักแน่นอน โดยปี 50 บริษัทมีรายได้ 7,968.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,309.89 ล้านบาท เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณายังคงเติบโตและบริษัทได้ขยายเวลาการขยายเวลาช่วงไพร์มและช่วงซุปเปอร์ไพร์ม อีกทั้งยังสามารถเพิ่มอัตราการใช้เวลาโฆษณาได้ดีขึ้น
สำหรับปัจจัยทางการเมืองหากเรื่องไม่บานปลายและจบได้เร็วเชื่อว่าจะไม่กระทบธุรกิจของบริษัท แต่หากรุนแรงจนถึงขั้นเกิดจราจลขึ้น ก็จะกระทบทำให้เม็ดเงินโฆษณาลดลง เพราะ เมื่อเกิดความวุ่นวายผู้ที่ต้องการโฆษณาขายสินค้า ก็จะขายสินค้าไม่ได้จึงจำเป็นที่จะต้องลดงบค่าโฆษณาลง แต่หวังว่าจะไม่เกิดความรุนแรง เพราะ รัฐบาลหันไปขอหมายศาลแทน
นายฉัตรชัย กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์ )ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในเดือนกันยายน ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ ซีแอลเอสเอ จะมีการจัดงานไทยแลนด์โฟกัสและก็จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงซึ่งไปกับ บล.ซีแอลเอสเอ เช่นกัน และในเดือนตุลาคมบริษัทก็จะไปโรดโชว์ที่อเมริกา ซึ่งบริษัทไปเป็นปกติปีละครั้ง
"บริษัทเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะจ่ายเงินปันผลได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแรกที่จ่ายอัตราหุ้นละ 0.60 บาท คิดเป็น 90% ของกำไรสุทธิ แต่ก็ขึ้นอยู่กับกำไรของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังด้วย แต่เราก็เชื่อว่ากำไรในครึ่งปีหลังจะยังดี ซึ่งผมมั่นใจไม่มีใครจ่ายเงินปันผลได้สูงเท่าเราแล้ว "นายฉัตรชัย กล่าว