xs
xsm
sm
md
lg

AYFแชมป์ผลตอบแทนกองหุ้น 7กองทุนเข้าป้ายติดอันดับท๊อปเท็น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ช่วงนี้ นักลงทุนหลายคนยังคงหายใจหายคอได้ไม่ทั่วท้อง เนื่องมาจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ได้สร้างความหวั่นวิตกในการลงทุนค่อนข้างมาก...ซึ่งนักลงทุนหลายคน ถึงขึ้นยอมขาดขาดทุนเพื่อมาถือเงินสดแทนเพื่อความอุ่นใจ

ทั้งนี้ จากการเทขายหุ้นของนักลงทุนทั่วโลก (ไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศไทย) ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งราคาหุ้นที่อยู่ในตลาดขณะนี้ก็มีราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานอีก...นับว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักลงทุนอย่างยิ่ง ที่จะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นดีราคาถูกมาเก็บไว้ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีนักลงทุนบางส่วนที่ยังคงมองในเรื่องของจุดต่ำสุดของราคาหุ้นว่าจะอยู่ที่จุดใด แล้วจึงค่อยกลับไปลงทุนใหม่

คอลัมน์ "Best of Fund" ขอนำเสนอผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นล่าสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2551...ไปดูกันว่า จากความผันผวนและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวง ทำให้ดัชนีหุ้นไทยติดลบไป 30.48 ในช่วง 9 เดือน ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของกองทุนหุ้นอย่างไรบ้าง แล้วกองไหนที่สามารถฝ่าแรงต้านจนให้ผลตอบแทนเป็นอันดับหนึ่งได้

สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 346.84 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -16.68% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 13.80% อันดับ 2 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,190.02 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -16.80% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 13.68%

อันดับ 3 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนไทย เอคควิตี้ ดีวิเด็น ภายใต้การบริหารของ บลจ.อเบอร์ดีน จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,916.29 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -17.29% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 13.19% อันดับ4 อยุธยาหุ้นปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 185.12 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -20.64% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 9.84%

อันดับ 5 กองทุนเปิดธนชาติฟันดาเมนทอล พลัส ภายใต้การบริหารของ บลจ.ธนชาต โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 375.94 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -22.10% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.38% อันดับ 6 กองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 112.86 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -22.41% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.07%

อันดับ 7 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,143.98 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -22.63% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.85% อันดับ 8 กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,333.46 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -23.05% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.43%

อันดับ 9 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 134.36 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -23.13% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.35% และอันดับ 10 กองทุนเปิด ธนชาติทุนเพิ่มทวี ภายใต้การบริหารของ บลจ.ธนชาติ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 362.60 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -23.44% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.04%
ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์
เปิดกลยุทธ์การลงทุนอันดับ 1
จากรายงานผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี จะเห็นได้ว่ากองทุนรวมหุ้น ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของบลจ.เอวายเอฟ ติด 10 อันดับกองทุน ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีสูงสุดถึง 7 กองทุน

ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ เล่าให้ฟังว่า การที่กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ในอันดับต้นๆ เพราะเราเน้นการคัดเลือกบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนเป็นหลัก โดยจะมองหลายๆบริษัทเพื่อนำมาพิจารณา ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะต้องเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว เพราะเราจะเน้นในเรื่องของการลงทุนและสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุน ถึงแม้ว่าจะเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกอยู่ในขณะนี้ หรือจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบริษัทที่ได้เข้าไปลงทุนอาจจะได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวบ้าง หรือไม่ได้รับผลกระทบก็ตาม แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้นักลงทุนขาดความมั่นใจในการลงทุน นักลงทุนต่างทยอยเทขายหน่วยลงทุนมาถือเงินสดแทน

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่ากองทุนที่ได้อันดับ 1 และอันดับ 2 มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพียง 70% เท่านั้น โดยเราจะเน้นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้ง การปรับตัวลดลงของหุ้นบริษัทมองว่าเป็นการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ทั้งนี้บริษัทเลือกที่จะลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตดี มีการจ่ายเงินปันผลสูง และเนื่องมากจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น เราได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนบ้างแต่ไม่มากนัก เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

กำลังโหลดความคิดเห็น