ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่ง "ผู้จัดการกองทุนรวม" ได้นำเสนอผลประกอบการของกองทุนหุ้นในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา โดยพบว่าผลตอบแทนส่วนใหญ่ยังอยู่ในแดนลบจากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนหนัก แต่ผลตอบแทนที่ติดลบดังกล่าว หลายกองทุนยังสามารถบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนได้ดี เพราะถึงแม้จะติดลบ แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ติดลบไปกว่า 21.18%
คอลัมน์ "Best of Fund" ฉบับนี้ ขอนำเสนอผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในหุ้นเป็นหลัก ดังนั้น ผลกระทบจากการปรับลดลงของดัชนีหุ้นไทยย่อมส่งผลต่อกองทุนแอลทีเอฟเช่นกัน...แต่ที่น่าสนใจคือ ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา กองทุนแอลทีเอฟที่ให้ผลตอบแทนอันดับ 1 สามารถโชว์ผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ ซึ่งถือว่าน่าสนใจทีเดียวว่า มีกลยุทธ์ในการบริหารพอร์ตอย่างไร แล้วอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนสวนทางเป็นบวกได้
สำหรับการดำเนินงานของกองทุน LTF ที่ให้ผลการดำเนินงานในอันดับ 10 อันดับแรกคือ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว(1SMART-LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 27.87 ล้านบาท โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.81% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 23.99%
ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 คือ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล (BT-LIFE-70-LTFD) ภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 101.22 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่-3.18% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 18.00%
อันดับที่ 3 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท (SCBLTS) ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 908.25 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -5.05% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 16.13%อันดับที่ 4 ได้เเก่กองทุนเปิด ฟิลลิป หุ้นระยะยาว (P-LTF)ภายใต้การบริหารของ บลจ.ฟิลลิป โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 6.59 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -6.77% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 14.41%
อันดับที่ 5 กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว (BT-LIFE-LTF)ภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 64.59 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -8.21% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 12.97% อันดับ 6 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 76.67 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -9.70% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่11.48
ส่วนอันดับที่ 7 คือกองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว (KSLTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่72.66 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -10.45% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่10.73%อันดับที่ 8 คือ กองทุนรวมแมกซ์ปันผลหุ้นระยะยาว (MAX DIV LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 299.38 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -10.80% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่10.38%
อันดับที่ 9 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล (AYFLTFDIV)ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 338.73ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -12.51% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.67%เเละอันดับที่ 10 คือ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว (B-LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.บัวหลวง จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,836.91 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -13.97% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.21%
เปิดกลยุทธ์การลงทุนกองทุนอันดับ1
สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวถึงการที่กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว ที่ให้ผลตอบเเทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทย อันเนื่องจากกองทุนดังกล่าวใช้นโยบายป้องกันความเสี่ยง โดยใช้เครื่องมืออนุพันธ์ (TFEX) เป็นหลัก ซึ่งเครื่องมือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดความผันผวนจากตลาดหุ้น ทำให้กองทุน 1SMART-LTF ให้ผลตอบเเทนไม่ขึ้นลงตามสภาวะตลาดหุ้นไทยอีกด้วย
"กองทุน1SMART-LTF ลงทุนในตลาดหุ้นก็จริง เเต่เราก็ได้ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง ทำให้ผลตอบเเทนของกองทุนดังกล่าวสามารถเทียบได้กับมันนี่มาร์เก็ต โดยกองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่อยากลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี เเต่ไม่ชอบความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้น" นายสมจินต์กล่าว
นายสมจินต์ บอกอีกว่า สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศไทยต่อจากนี้ จะยังคงต้องพบกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้นักลงทุนกังวล คือ เรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ปัจจัยเรื่องของการเมือง เเละปัจจัยภายนอกจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีความมั่นคงและให้ผลตอบแทน ที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่า ทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารเเห่งทุน ตราสารเเห่หนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน เเละเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างที่ไม่ขัดต่อกฏหมายคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (hedging) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ หรือเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน โดยกองทุนจะไม่ลงทุนตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบเเทนอ้างอิงกับตัวเเปร (Structred Note)