เนื่องจากปัจจัยทางด้านการเมืองที่ยืดเยื้อ และก่อให้เกิดความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดัชนีได้ปรับตัวลดลงเกือบถึง 650 จุด ทำให้นักลงทุนต่างชะลอการลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจาก นักลงทุนจับทิศทางหรือแนวโน้มการลงทุนได้ยาก...ดัชนีอยู่ในช่วงที่ว่า "สามวันดี สี่วันวูบ" ให้นักลงทุนใจสั่นได้เกือบทุกวัน...
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้จะส่งผลแต่ด้านไม่ดีอย่างเดียว... แต่ด้านดีคือผู้จัดการกองทุนหรือนักลงทุนบางคนเห็นว่าเป็นจังหวะดี ที่จะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นพื้นฐานดี อนาคตไกล ราคาถูก เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุน เพื่อรอระยะเวลาที่ทุกอย่างลงตัวแล้วนำออกขายทำกำไร ซึ่งหลายๆคนมองว่า การลงทุนในกองทุนระยะยาวถึงแม้ว่าตลาดจะมีความผันผวน แต่เมืองมองถึงผลตอบแทนระยะยาว ถือได้ว่าตลาดที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้ ไม่น่าจะส่งผลต่อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เท่าใดนัก
วันนี้ "คอลัมน์ Best of fund"จะไปสำรวจดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นสุด ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2551) ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรกว่า ภายใต้ภาวะเช่นนี้ เป็นอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งเปิดพอร์ตกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอันดับหนึ่ง ว่ามีกลยุทธ์การบริหารจัดการกองทุนภายใต้การบริหารอย่างไร
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว(1SMART-LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 28.69 ล้านบาท โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.65% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 22.89%
ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 คือ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล (BT-LIFE-70-LTFD) ภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 104.58 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.71% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 19.53%
อันดับที่ 3 คือ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว (BT-LIFE-LTF)ภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 66.98 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -5.24% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 15.00%อันดับที่ 4 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 85.42 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -5.47% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่14.77
อันดับ 5 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท (SCBLTS) ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 904.74 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -5.94% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 14.30%อันดับที่ 6 กองทุนเปิด ฟิลลิป หุ้นระยะยาว (P-LTF)ภายใต้การบริหารของ บลจ.ฟิลลิป โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 6.53 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -9.06% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 11.18%
สำหรับอันดับที่ 7 คือกองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว (KSLTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 74.40 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -9.49% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่10.75%อันดับที่ 8 คือ กองทุนรวมแมกซ์ปันผลหุ้นระยะยาว (MAX DIV LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 305.55 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -10.12% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่10.12%
อันดับที่ 9 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล (AYFLTFDIV)ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 352.24ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -10.46% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 9.78% เเละอันดับที่ 10 คือ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30(KP-LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.พรีมาเวสท์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,836.91 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -13.97% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.21%
เปิดกลยุทธ์การลงทุนกองทุนอันดับ1
สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เล่าให้ฟังว่า สำหรับกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว(1SMART-LTF) เป็นกองทุนที่มีความชัดเจนในด้านนโยบาย และการป้องกันความเสี่ยง โดยเป็นกองทุนที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อนักลงทุน ที่ต้องการการลงทุนและต้องการด้านสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี
โดย กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว(1SMART-LTF) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง และความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดยกองทุนมีการลงทุนในหุ้นตามกฎกติกาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกทั้งมีการป้องกันความเสี่ยง โดยการใช้อนุพันธ์เข้ามาเป็นตัวช่วยในการป้องกันความเสี่ยง
"เราจะใช้มาตราการป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุน 100 % และมีการป้องกันความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลตอบแทนของกองทุนไม่ได้ขึ้นลง หรือผันผวนตามตลาดหุ้น โดยเราจะเน้นที่นักลงทุนสามารถได้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของการเสียภาษีด้วย" สมจิตต์กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีความมั่นคงและให้ผลตอบแทน ที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่า ทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารเเห่งทุน ตราสารเเห่หนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน เเละเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างที่ไม่ขัดต่อกฏหมายคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (hedging) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ หรือเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน โดยกองทุนจะไม่ลงทุนตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบเเทนอ้างอิงกับตัวเเปร (Structred Note)
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้จะส่งผลแต่ด้านไม่ดีอย่างเดียว... แต่ด้านดีคือผู้จัดการกองทุนหรือนักลงทุนบางคนเห็นว่าเป็นจังหวะดี ที่จะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นพื้นฐานดี อนาคตไกล ราคาถูก เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุน เพื่อรอระยะเวลาที่ทุกอย่างลงตัวแล้วนำออกขายทำกำไร ซึ่งหลายๆคนมองว่า การลงทุนในกองทุนระยะยาวถึงแม้ว่าตลาดจะมีความผันผวน แต่เมืองมองถึงผลตอบแทนระยะยาว ถือได้ว่าตลาดที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้ ไม่น่าจะส่งผลต่อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เท่าใดนัก
วันนี้ "คอลัมน์ Best of fund"จะไปสำรวจดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นสุด ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2551) ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรกว่า ภายใต้ภาวะเช่นนี้ เป็นอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งเปิดพอร์ตกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอันดับหนึ่ง ว่ามีกลยุทธ์การบริหารจัดการกองทุนภายใต้การบริหารอย่างไร
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว(1SMART-LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 28.69 ล้านบาท โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.65% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 22.89%
ส่วนกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 คือ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล (BT-LIFE-70-LTFD) ภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 104.58 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.71% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 19.53%
อันดับที่ 3 คือ กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว (BT-LIFE-LTF)ภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 66.98 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -5.24% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 15.00%อันดับที่ 4 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 85.42 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -5.47% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่14.77
อันดับ 5 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท (SCBLTS) ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 904.74 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -5.94% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 14.30%อันดับที่ 6 กองทุนเปิด ฟิลลิป หุ้นระยะยาว (P-LTF)ภายใต้การบริหารของ บลจ.ฟิลลิป โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 6.53 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -9.06% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 11.18%
สำหรับอันดับที่ 7 คือกองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว (KSLTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 74.40 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -9.49% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่10.75%อันดับที่ 8 คือ กองทุนรวมแมกซ์ปันผลหุ้นระยะยาว (MAX DIV LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 305.55 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -10.12% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่10.12%
อันดับที่ 9 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล (AYFLTFDIV)ภายใต้การบริหารของ บลจ.เอวายเอฟ จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 352.24ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -10.46% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 9.78% เเละอันดับที่ 10 คือ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30(KP-LTF) ภายใต้การบริหารของ บลจ.พรีมาเวสท์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1,836.91 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -13.97% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.21%
เปิดกลยุทธ์การลงทุนกองทุนอันดับ1
สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เล่าให้ฟังว่า สำหรับกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว(1SMART-LTF) เป็นกองทุนที่มีความชัดเจนในด้านนโยบาย และการป้องกันความเสี่ยง โดยเป็นกองทุนที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อนักลงทุน ที่ต้องการการลงทุนและต้องการด้านสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี
โดย กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว(1SMART-LTF) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง และความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดยกองทุนมีการลงทุนในหุ้นตามกฎกติกาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกทั้งมีการป้องกันความเสี่ยง โดยการใช้อนุพันธ์เข้ามาเป็นตัวช่วยในการป้องกันความเสี่ยง
"เราจะใช้มาตราการป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุน 100 % และมีการป้องกันความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลตอบแทนของกองทุนไม่ได้ขึ้นลง หรือผันผวนตามตลาดหุ้น โดยเราจะเน้นที่นักลงทุนสามารถได้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของการเสียภาษีด้วย" สมจิตต์กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีความมั่นคงและให้ผลตอบแทน ที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่า ทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารเเห่งทุน ตราสารเเห่หนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน เเละเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างที่ไม่ขัดต่อกฏหมายคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (hedging) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ หรือเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน โดยกองทุนจะไม่ลงทุนตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบเเทนอ้างอิงกับตัวเเปร (Structred Note)