xs
xsm
sm
md
lg

ONEเดินสายโปรโมท"1SMART-LTF" หวังสิ้นปีดันยอดเอ็นเอวีเกิน100ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.วรรณ จับจังหวะกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาวผลตอบแทนโดดเด่น เดินสายโปรโมทดึงนักลงทุนอาคารย่านธุรกิจ ชูผลตอบแทนอันดับ 1 ต่อเนื่อง หวังดันยอดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเกิน 100 ล้านบาท พร้อมแนะรัฐบาลใหม่ เร่งเยียวยาเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว

นายสมจินต์ ศรไพศาล
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทได้จัดทำการประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนทั่วไป และพนักงานบริษัทที่อยู่ในอาคารย่านธุรกิจให้ทราบว่า กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่ให้ผลตอบแทนที่เป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ กองทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 100 ล้านบาท

นอกจากนี้ กองทุนแอลทีเอฟภายใต้การบริหารของบริษัทมีสามกองทุนให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟหุ้นระยะยาว (1S-LTF) เป็นกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว (1SG-LTF) เป็นกองทุนที่มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล โดยจะนำเงินไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น และกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการขึ้นลงของตลาดหุ้นด้วยตราสารอนุพันธ์เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์

ทั้งนี้ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุน และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท โดย ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2551 กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน 10.5293 บาท และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 60.54 ล้านบาท

นอกจากนี้ กองทุน 1SMART-LTF ยังเป็นกองทุนหุ้นระยะยาว รูปแบบใหม่ที่จะช่วยผู้ลงทุนที่ต้องการจะลงทุนในกองทุน LTF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ไม่ต้องการจะรับความเสี่ยงจากความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยกองทุนได้ใช้ตราสารอนุพันธ์คือ Futures เพื่อลดความเสี่ยง จากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ กองทุนนี้ไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน และเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนปีละ 2 ครั้ง ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือนมิถุนายน และเดือนธันวาคม ส่วนในปีหน้าจะมีการปลดล็อกให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถเข้าสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ไตรมาสละ 1 ครั้ง

ส่วนผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 พบว่า กองทุน 1SMART-LTF สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.11% ขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -41.29% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.13% ขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -51.80% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 5.05% ขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -52.53% และสามารถให้ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 4.95% ขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -47.61%

สำหรับรายการส่งเสริมการขาย สำหรับผู้ที่ลงทุนใน V-RMF, FLEX-RMF หรือ 1S-LTF, 1SG-LTF, 1SMART-LTF ทุก 10,000 บาทจะได้รับหน่วยลงทุนมูลค่า 50 บาท และพิเศษสำหรับผู้ลงทุนที่ลงทุนใน 1SMART-LTF 200,000 บาท จะได้รับกระเป๋าเดินทาง 1 A.M. Back pack เพิ่มอีก 1 ใบ หรือลงทุนใน 1 SMART-LTF 300,000 บาท จะได้รับกระเป๋าเดินทาง Caggioni ขนาด 16 นิ้ว เพิ่มอีก 1 ใบ

**แนะรัฐบาลใหม่เร่งสร้างความเชื่อมั่น**
นายสมจินต์กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 นั้น มองว่าการเข้ามาทำงานในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี แต่นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ให้ความหวัง และอาจจะต้องให้เวลาในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ภาระกิจสำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเข้าไปสานต่ออย่างเร่งด่วนคือจะต้องเข้าสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติ นักท่องเที่ยว และสร้างความเชื่อมั่นในประเทศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จบจากเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นดีจากต่างประเทศ น่าจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพพอสมควร ขณะที่การส่งออกเองเชื่อว่าภาคการส่งออกจะกระทบ เนื่องจากคู่ค้าสำคัญอย่างสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเข้าไปเยียวยาเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และการใช้จ่ายของทางภาครัฐ นอกจากนี้ การที่พรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศว่าจะเชิญชวนคนที่มีความรู้ความสามารถในภาคเอกชนเข้ามาร่วมงานด้วย คาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยหลายธุรกิจจะต้องดูความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจเป็นสำคัญ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวรับมือกับสิ่งที่เข้ามากระทบ โดยคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะต้องใช้ระยะเวลานาพอสมควรในการพลิกฟื้นภาวะเศรษฐกิจขึ้นมา
กำลังโหลดความคิดเห็น