xs
xsm
sm
md
lg

แอสเซทพลัสจับจังหวะช้อนหุ้นถูกเปิดขายทาร์เกตฟันด์ตั้งเป้าทำกำไร18%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.แอสเซท พลัส จับจังหวะเหมาะ ส่งกองทุนเปิดแอสเซทพลัสซีเล็คทีฟสต็อกส์ 18/18 ทยอยเก็บหุ้นดีราคาถูกเข้าพอร์ต กำหนดเป้าหมายผลตอบแทน 18% ชี้เป็นระดับที่เหมาะสมกับมูลค่าที่แท้จริง เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน เปิดขายไอพีโอ 15-21 สิงหาคมนี้ ผู้บริหารมั่นใจระยะยาว SET Index กลับเป็นขาขึ้น แม้ระยะสั้นการเมืองยังกดดัน

นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสซีเล็คทีฟสต็อกส์ 18/18 (ASP-SSF18/18) ในระหว่างวันที่ 15-21 สิงหาคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภททาร์เกตฟันด์ ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 18% จากการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีศักยภาพในการเติบโต และมีราคาปรับตัวลงจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน หรือหุ้นที่มีฐานะการเงินดี และมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารเงินลงทุนและลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน (Downside Protection) จากการใช้ประโยชน์ของตราสารอนุพันธ์ด้วย

ทั้งนี้ กองทุนจะทำการจ่ายผลตอบแทนอัตโนมัติให้กับลูกค้าเมื่อมูลค่า NAV ของกองทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น 18% ของมูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วยที่ 10 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน หรือ 18 เดือนนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่จดทะเบียนเป็นกองทุนรวม แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดก่อน

“จากการคาดการณ์อัตราการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับตัวของตลาดหลักทรัพย์ ได้ประเมินเป้าหมาย SET Index ปลายปี 2551 ที่ P/E ระดับประมาณ 11 เท่าหรือ SET Index ที่ระดับ 790-800 จากปัจจุบันที่ ประมาณ 670 จุด หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 18% ซึ่งมองว่าเป็นระดับที่เหมาะสมกับมูลค่าที่แท้จริงเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีความสามารถทางธุรกิจและความสามารถในการรักษาการเจริญเติบโตของผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ช่วงระยะเวลา 18 เดือนเป็นระยะเวลาที่นานเพียงพอที่ปัจจัยที่กดดันตลาดอยู่จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น” นางลดาวรรณกล่าว

นางลดาวรรณกล่าวว่า ในช่วงกรกฎาคมที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง กองทุนได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนมาระยะหนึ่งแล้ว โดยทยอยลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสารและธนาคารบางตัวที่ราคาปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะแก่การลงทุน ทั้งนี้ คาดว่า การ ประกาศตัวเลขผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ซึ่งน่าจะออกมาค่อนข้างดี จะช่วยเอื้อให้บรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจัยทางด้านการเมืองยังคงกดดันตลาดหุ้น โดยในระยะสั้นยังมีความผันผวนสูง แต่ในระยะยาวก็เชื่อว่าตลาดหุ้นจะสามารถกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ยังมีพื้นฐานที่ดีและราคาของกลุ่มหลักทรัพย์บางตัวได้ปรับตัวลงมาเหมาะสมแก่การลงทุนมากขึ้น ซึ่งการที่หุ้นปรับตัวลงในระยะสั้นจะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นดี ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาวต่อไป

สำหรับแนวโน้มการลงทุน นางลดาวรรณกล่าวว่า จากความวิตกกังวลของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก จากต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คาดว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ประกอบกับปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังคงกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่ ส่งผลให้ในเดือนกรกฎาคมตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 92.27 จุด หรือ 12%

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลงจากระดับ 138.29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 118 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ประกอบกับมาตรการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินของหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบด้านหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ในการจำกัดการขายช็อตเซลในหุ้นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ช่วยส่งผลให้ผลประกอบการของสถาบันการเงินในสหรัฐฯหลายแห่งออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ในขณะที่การประกาศตัวเลขผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมาค่อนข้างดีตามความคาดหมาย และคาดว่าตัวเลขผลการดำเนินงานของกลุ่มอื่น ๆ ที่จะทยอยประกาศในช่วงนี้น่าจะออกมาดีเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น