ผู้จัดการรายวัน - ตลาดอาหารแช่แข็งร้อนระอุ ซีเล็ค โดดลงสมรภูมิ แตกโปรดักส์ไลน์ใหม่ ด้าน พีเอฟพี ชี้ตลาดปี51ไม่โตหลังต้นทุนพุ่ง ทุกรายแห่ปรับราคาสินค้าขึ้นกว่า 50% ผู้บริโภคชะลอการกิน
นายทวี ปิยะพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เอฟ.พี.เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อปลาทะเลแช่แข็งพีเอฟพี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอาหารแช่แข็งมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะไม่มีอัตราการเติบโต เนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง อีกทั้งที่ผ่านมาเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอาหารแช่แข็งต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50%
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเฉพาะปลาทะเลต้องนำเข้าถึง 90% ดังนั้นจึงทำให้ตลาดอาหารแช่แข็งเริ่มมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่าง บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซีเล็คทูน่า เพราะต้องการแตกโปรดักส์ไลน์สินค้าให้ครอบคลุมและมีความหลากหลายเพี่อลดต้นทุนต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้บริษัท ธีร์โฮลดิ้ง จำกัด เปิดตัวสลัดครีมทูน่า ที่มีผสมเนื้อทูน่า และ น้ำราดสปาเกตตี้ นอกจากนี้ยังมีการขยายโพซิชั่นนิ่งของแบรนด์ จากเดิมที่ใช้ในเรื่องไขมันต่ำมาสู่สินค้าที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค และล่าสุดเปิดตัวอาหารแช่แข็งหลากหลายเมนู เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าของซีเล็คให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามนายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางการแข่งขันตลาดอาหารแช่แข็งมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยมากจะชูกลยุทธ์การเปิดตัวเมนูที่มีความแปลกใหม่ และต้องจำหน่ายสินค้าในราคาที่ถูกควบคู่กับคุณภาพสินค้าจะต้องดี ทั้งนี้เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
ส่วนแผนการทำตลาดอาหารแช่แข็งพีเอฟพี ขณะนี้บริษัทได้ชะลอกำลังการผลิตสินค้าที่จำหน่ายสู่ตลาดแต่มีความขาดทุน เช่น การส่งออกปูอัดไปยังตลาดต่างประเทศ เนื่องจากต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น 80% และจากการปรับราคาขึ้นทำให้ผู้บริโภคลดการบริโภคลง
สำหรับผลประกอบการสิ้นปี 2551 นี้ บริษัทคาดว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโตไว้แต่แรกที่ 15% หรือมีรายได้ 2,900 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีรายได้เพียงแค่ 2,700 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ภายในประเทศเดิมตั้งเป้า 1,000 ล้านบาท เหลือเป็น 900 ล้านบาท ส่วนต่างประเทศเดิมตั้งเป้า 1,900 ล้านบาท เหลือเป็น 1,800 ล้านบาท โดยรายได้ 8 เดือนที่ผ่านมาบริษัทเติบโต 10%
นายทวี ปิยะพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เอฟ.พี.เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อปลาทะเลแช่แข็งพีเอฟพี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอาหารแช่แข็งมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะไม่มีอัตราการเติบโต เนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง อีกทั้งที่ผ่านมาเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอาหารแช่แข็งต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50%
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเฉพาะปลาทะเลต้องนำเข้าถึง 90% ดังนั้นจึงทำให้ตลาดอาหารแช่แข็งเริ่มมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่าง บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซีเล็คทูน่า เพราะต้องการแตกโปรดักส์ไลน์สินค้าให้ครอบคลุมและมีความหลากหลายเพี่อลดต้นทุนต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้บริษัท ธีร์โฮลดิ้ง จำกัด เปิดตัวสลัดครีมทูน่า ที่มีผสมเนื้อทูน่า และ น้ำราดสปาเกตตี้ นอกจากนี้ยังมีการขยายโพซิชั่นนิ่งของแบรนด์ จากเดิมที่ใช้ในเรื่องไขมันต่ำมาสู่สินค้าที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค และล่าสุดเปิดตัวอาหารแช่แข็งหลากหลายเมนู เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าของซีเล็คให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามนายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางการแข่งขันตลาดอาหารแช่แข็งมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยมากจะชูกลยุทธ์การเปิดตัวเมนูที่มีความแปลกใหม่ และต้องจำหน่ายสินค้าในราคาที่ถูกควบคู่กับคุณภาพสินค้าจะต้องดี ทั้งนี้เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
ส่วนแผนการทำตลาดอาหารแช่แข็งพีเอฟพี ขณะนี้บริษัทได้ชะลอกำลังการผลิตสินค้าที่จำหน่ายสู่ตลาดแต่มีความขาดทุน เช่น การส่งออกปูอัดไปยังตลาดต่างประเทศ เนื่องจากต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น 80% และจากการปรับราคาขึ้นทำให้ผู้บริโภคลดการบริโภคลง
สำหรับผลประกอบการสิ้นปี 2551 นี้ บริษัทคาดว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโตไว้แต่แรกที่ 15% หรือมีรายได้ 2,900 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีรายได้เพียงแค่ 2,700 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ภายในประเทศเดิมตั้งเป้า 1,000 ล้านบาท เหลือเป็น 900 ล้านบาท ส่วนต่างประเทศเดิมตั้งเป้า 1,900 ล้านบาท เหลือเป็น 1,800 ล้านบาท โดยรายได้ 8 เดือนที่ผ่านมาบริษัทเติบโต 10%