ซิตี้แบงก์รับยอดชำระขั้นต่ำ 10% ทำให้ยอดสินเชื่องคงค้างตลาดบัตรเครดิตลดลง แต่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรยังเท่าเดิมจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายฐานบัตรต่อคาดสิ้นปีเกิน 1 ล้านบัตร พร้อมผนึกเดอะมอลล์กรุ๊ปลุยเพิ่มยอดบัตร Citi M Visa หลังพบพฤติกรรมลูกค้าหันใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดมากขึ้น
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ เปิดเผยว่า จากตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่าจำนวนยอดสินเชื่อคงค้างของบัตรเครดิตมีการขยายตัวเพียง 3%นั้นส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนกฎเกณฑ์การผ่อนชำระขั้นต่ำมาอยู่ที่ 10% นั้นทำให้ผู้ถือบัตรต้องจ่ายเงินมากขึ้นทำให้ยอดคงค้างของสินเชื่อบัตรเครดิตมีการลดลงแต่ในส่วนของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรยังคงมีเท่าเดิม โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้เห็นว่ายอดใช้จ่ายยังไม่ตกลงนั้นก็เพราะราคาสินค้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ
"การผ่อนชำระขั้นต่ำแบบเดิมที่ 5% นั้นมีส่วนที่ดีอยู่และประเทศอื่นส่วนใหญ่ก็มีการผ่อนชำระขั้นต่ำแค่ 3% ส่วนประเทศที่ใช้ 10%มีแค่เราและอินโดนีเซียเท่านั้น ที่ผ่านมาก็มีลูกค้าบ่นเข้ามาเยอะเรื่องที่ทางการขยับเกณฑ์ชำระขั้นต่ำ และพอขึ้นมาเป็น 10% ก็อาจทำให้คนไม่อยากกู้เงินในระบบก็เป็นได้"
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธนาคารมีความเข้มงวดในการออกบัตรเครดิตมากขึ้นโดยช่วงที่ผ่านมายอดอนุมัติบัตรอยู่ที่ประมาณ 50-55%เมื่อเทียบกับยอดใบสมัครที่เข้ามา โดยปัจจุบันฐานบัตรเครดิตอยู่ที่เกือบ 1 ล้านบัตร หรือคิดเป็นจำนวนลูกค้าประมาณ 700,000-800,000 ราย และสิ้นปีคาดว่าน่าจะเกินกว่า 1 ล้านบัตรแน่นอน นอกจากนี้ธนาคารต้องการที่จะควบคุมให้ลูกค้าถือบัตรเครดิตของธนาคารอยู่ที่ไม่เกิน 2 บัตร
นางสาววรลักษณ์ กล่าวอีกว่า จากที่ธนาคารได้ทำการร่วมมือกับเดอะมอลล์กรุ๊ปออกบัตรเครดิต Citi M Visa มาเป็นเวลา 1 ปีแล้วนั้น ปัจจุบันมีฐานบัตรดังกล่าวอยู่ที่ 100,000 บัตร แบ่งออกเป็น บัตรคลาสสิค 40%บัตรแพลตตินั่มรีวอร์ด 30% และบัตรแพลตตินั่มซีเล็คท์ 30% โดยมีบัตรที่ใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง(แอคทีฟ) อยู่ที่ 90% และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 200,000 บัตร ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าในช่วงเวลา 5 ปีจะขยายฐานบัตรดังกล่าวให้อยู่ที่ 350,000-500,000 บัตร โดยจะขยายฐานผ่านลูกค้าที่เป็นสมาชิกบัตรเดอะมอลล์ซึ่งมีอยู่จำนวน 600,000 บัตร รวมถึงจะขยายผ่านการแนะนำเพื่อนต่อเพื่อนและเจาะกลุ่มลูกค้าในองค์กร
สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร Citi M Visa เฉลี่ยอยู่ที่กว่า 10,000 บาท ส่วนลูกค้าที่ถือบัตรดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุ 24-34 ปี เป็นส่วนใหญ่หรือประมาณ 40%
ด้านนางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่สายการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บัตร Citi M Visa ถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญในการดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้จ่ายในห้างเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน นอกจากนี้ในปัจจุบันพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่มีแนวโน้มในการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยทั้ง 3 ห้างอยู่ที่ 55% เนื่องจากลูกค้าให้ความสำคัญกับมูลค่าเพิ่มและสิทธิประโยชน์ในการใช้บัตรเครดิต อย่างไรก็ตามทางเดอะมอลล์ ยังได้มีการดำเนินกลยุทธ์ Strategic Alliance กับทางซิตี้แบงก์ในการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ ด้วยโปรแกรม Cross Border เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่ลูกค้าของซิตี้แบงก์ในประเทศ ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี และอื่นๆ อีกด้วย สำหรับยอดขายครึ่งปีแรกรวมทั้ง 3 ห้างอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ซิตี้แบงก์และเดอะมอลล์ได้เพิ่มช่วงทางการให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลบัตรเครดิต Citi M Visa รวมถึงการส่งเสริมการขายผ่านทาง "Citi M Web Cam Phone Service" ซึ่งเป็นบริการสอบถามข้อมูลผ่านเครื่องโทรศัพท์รูปแบบใหม่โดยลูกค้าจะสามารถเห็นหน้าพนักงานที่ให้ข้อมูลได้จากจอภาพเพียงแค่ยกหูครั้งเดียว โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่วันที่ 24 ก.ค.นี้ ที่พารากอนและเดอะมอลล์ บางกะปิ
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ เปิดเผยว่า จากตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่าจำนวนยอดสินเชื่อคงค้างของบัตรเครดิตมีการขยายตัวเพียง 3%นั้นส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนกฎเกณฑ์การผ่อนชำระขั้นต่ำมาอยู่ที่ 10% นั้นทำให้ผู้ถือบัตรต้องจ่ายเงินมากขึ้นทำให้ยอดคงค้างของสินเชื่อบัตรเครดิตมีการลดลงแต่ในส่วนของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรยังคงมีเท่าเดิม โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้เห็นว่ายอดใช้จ่ายยังไม่ตกลงนั้นก็เพราะราคาสินค้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ
"การผ่อนชำระขั้นต่ำแบบเดิมที่ 5% นั้นมีส่วนที่ดีอยู่และประเทศอื่นส่วนใหญ่ก็มีการผ่อนชำระขั้นต่ำแค่ 3% ส่วนประเทศที่ใช้ 10%มีแค่เราและอินโดนีเซียเท่านั้น ที่ผ่านมาก็มีลูกค้าบ่นเข้ามาเยอะเรื่องที่ทางการขยับเกณฑ์ชำระขั้นต่ำ และพอขึ้นมาเป็น 10% ก็อาจทำให้คนไม่อยากกู้เงินในระบบก็เป็นได้"
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธนาคารมีความเข้มงวดในการออกบัตรเครดิตมากขึ้นโดยช่วงที่ผ่านมายอดอนุมัติบัตรอยู่ที่ประมาณ 50-55%เมื่อเทียบกับยอดใบสมัครที่เข้ามา โดยปัจจุบันฐานบัตรเครดิตอยู่ที่เกือบ 1 ล้านบัตร หรือคิดเป็นจำนวนลูกค้าประมาณ 700,000-800,000 ราย และสิ้นปีคาดว่าน่าจะเกินกว่า 1 ล้านบัตรแน่นอน นอกจากนี้ธนาคารต้องการที่จะควบคุมให้ลูกค้าถือบัตรเครดิตของธนาคารอยู่ที่ไม่เกิน 2 บัตร
นางสาววรลักษณ์ กล่าวอีกว่า จากที่ธนาคารได้ทำการร่วมมือกับเดอะมอลล์กรุ๊ปออกบัตรเครดิต Citi M Visa มาเป็นเวลา 1 ปีแล้วนั้น ปัจจุบันมีฐานบัตรดังกล่าวอยู่ที่ 100,000 บัตร แบ่งออกเป็น บัตรคลาสสิค 40%บัตรแพลตตินั่มรีวอร์ด 30% และบัตรแพลตตินั่มซีเล็คท์ 30% โดยมีบัตรที่ใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง(แอคทีฟ) อยู่ที่ 90% และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 200,000 บัตร ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าในช่วงเวลา 5 ปีจะขยายฐานบัตรดังกล่าวให้อยู่ที่ 350,000-500,000 บัตร โดยจะขยายฐานผ่านลูกค้าที่เป็นสมาชิกบัตรเดอะมอลล์ซึ่งมีอยู่จำนวน 600,000 บัตร รวมถึงจะขยายผ่านการแนะนำเพื่อนต่อเพื่อนและเจาะกลุ่มลูกค้าในองค์กร
สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร Citi M Visa เฉลี่ยอยู่ที่กว่า 10,000 บาท ส่วนลูกค้าที่ถือบัตรดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุ 24-34 ปี เป็นส่วนใหญ่หรือประมาณ 40%
ด้านนางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่สายการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บัตร Citi M Visa ถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญในการดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้จ่ายในห้างเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน นอกจากนี้ในปัจจุบันพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่มีแนวโน้มในการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยทั้ง 3 ห้างอยู่ที่ 55% เนื่องจากลูกค้าให้ความสำคัญกับมูลค่าเพิ่มและสิทธิประโยชน์ในการใช้บัตรเครดิต อย่างไรก็ตามทางเดอะมอลล์ ยังได้มีการดำเนินกลยุทธ์ Strategic Alliance กับทางซิตี้แบงก์ในการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ ด้วยโปรแกรม Cross Border เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่ลูกค้าของซิตี้แบงก์ในประเทศ ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี และอื่นๆ อีกด้วย สำหรับยอดขายครึ่งปีแรกรวมทั้ง 3 ห้างอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ซิตี้แบงก์และเดอะมอลล์ได้เพิ่มช่วงทางการให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลบัตรเครดิต Citi M Visa รวมถึงการส่งเสริมการขายผ่านทาง "Citi M Web Cam Phone Service" ซึ่งเป็นบริการสอบถามข้อมูลผ่านเครื่องโทรศัพท์รูปแบบใหม่โดยลูกค้าจะสามารถเห็นหน้าพนักงานที่ให้ข้อมูลได้จากจอภาพเพียงแค่ยกหูครั้งเดียว โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่วันที่ 24 ก.ค.นี้ ที่พารากอนและเดอะมอลล์ บางกะปิ