บลจ.วรรณ รายงานผลดำเนินงาน ณ 18ก.ค.51 พบในรอบประมาณ 3 เดือน(13สัปดาห์)กองทุนซีรีส์วรรณเอ็มเอ็ม 1-4 ให้ผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ ขณะที่12 กองหุ้นมีเพียง“วรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว(1SMART-LTF)”ให้ยิลด์ดีที่สุด ไม่ติดลบเหมือนเพื่อนๆในหมวด ส่วนกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ ตระกูล NEWCAPเข้าเป้า
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด รายงานผลการดำเนินงานกองทุนรวมภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2551 ว่าในส่วนประเภทกองทุนตราสารหนี้ พบว่า กองทุนเปิดวรรณเอ็ม เอ็ม1(1MM1) ให้ผลตอบแทนในรอบ 13 สัปดาห์ (ประมาณ 3 เดือน)สูงสุด 0.67% ขณะที่รอบ 26 สัปดาห์(ประมาณ 6 เดือน)ให้ผลตอบแทน 1.35% และรอบ 52 สัปดาห์ (ประมาณ 1ปี) ให้ผลตอบแทน 2.74%
เช่นเดียวกับ กองทุนเปิดวรรณ เอ็ม เอ็ม 4 (1MM4)ให้ผลตอบแทนรอบ 13 สัปดาห์ 0.67% ผลตอบแทนรอบ 26 สัปดาห์ที่ 1.39% ส่วนรอบ52 สัปดาห์มีผลตอบแทน 2.79% ถัดมาได้แก่กองทุนเปิดวรรณ เอ็มเอ็ม 3 (1MM3) ให้ผลตอบแทน 13 สัปปดาห์ 0.66% รอบ26สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 1.36% และรอบ 52 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 2.75% ต่อมาคือ กองทุนเปิด วรรณ เอ็มเอ็ม 2 ให้ผลตอบแทนในรอบ 13 สัปดาห์ 0.64% รอบ26 สัปดาห์ 1.31% และรอบ 52 สัปดาห์ 2.77%
ทั้งนี้ กองทุนซีรีส์ดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ อาทิ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีความมั่นคงเป็นหลัก และตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรกจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นทุน หน่วยลงทุนของกองทุนตราสารทุนหรือกองทุนรวมผสม ตลอดจนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนหรือกองทุรวมผสม รวมถึงตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร(Structured Note) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivative)ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการระดมเงินออมจากสถาบันและประชาชนทั่วไป เพื่อไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีความมั่นคงเป็นหลัก เพื่อที่จะให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในรูปของมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน
ขณะที่ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น1 (1GB-PROTECT1) ให้ผลตอบแทนรอบ 13 สัปดาห์ที่ 0.57% รอบ 26 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 1.37% และรอบ 52 สัปดาห์มีผลตอบแทน 3.15% ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ที่สูงสุดของบริษัท ส่วนกองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไร (ONE-FAR) ให้ผลตอบแทนรอบ 13 สัปดาห์ 0.28% รอบ 26 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 1.00% และรอบ 52 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 2.29%
นอกจากนี้ พบว่าในรอบ 13 สัปดาห์มีกองทุนตราสารหนี้ 2โครงการที่ให้ผลตอบแทนติดลบ ได้แก่ กองทุนเปิดวรรณทวีปันผล (ONE-DP)ให้ผลตอบแทนรอบ 13 สัปดาห์อยู่ที่ 0.08% ขณะที่รอบ 26 สัปดาห์มีผลตอบแทน 0.88% และรอบ 52 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 2.19% ต่อมาคือ กองทุนเปิดตราสารหนี้คุณค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ(F-RMF) ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนได้สูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ อยู่ที่ –1.01% ขณะที่ 26 สัปดาห์ อยู่ที่0.03% และรอบ 52 สัปดาห์ (ประมาณ 1 ปี) 1.47% ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนตราสารหนี้โครงการเดียวของบลจ.วรรณ ที่ให้ผลตอบแทนในรอบ 52 สัปดาห์น้อยที่สุด
สำหรับภาพรวมในกองทุนตราสารทุนของบลจ.วรรณ พบว่าจากภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่มีความผันผวน ส่งผลให้ผลดำเนินงานกองทุนหุ้นทั้ง 12 โครงการอยู่ในระดับที่ต่ำหรือติดลบ โดยเฉพาะกองทุนเปิดวรรณซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว( 1SG-LTF)ให้ผลตอบแทนในรอบ 13 สัปดาห์ติดลบมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่มี –21.25% โดยอยู่ที่ –22.35% ขณะที่ผลตอบแทนรอบ 26 สัปดาห์อยู่ที่ –15.64% มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ระดับ –14.37% และรอบ 52 สัปดาห์ –17.99% มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ระดับ –15.98%
เช่นเดียวกับกองทุนเปิดเอกเอเชียพูนผล (ONE-FAS) ,กองทุนเปิดวรรณซีเล็กทีฟหุ้นระยะยาว (1S-LTF) ,กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มเซ็ท50 (1AMSET50) และกองทุนเปิดสหธนาคารเอกปันผล3 (ONEUB3) ซึ่งมีผลดำเนินงานติดลบมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ –22.35%,-22.34%,-21.97% และ –21.39% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม พบว่ากองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) เป็นเพียงกองทุนหุ้นโครงการเดียวที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรโดยไม่มีการติดลบ ซึ่งในรอบ 13 สัปดาห์กองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทน 0.28% ขณะที่ในรอบ 26 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 1.52% และในรอบ 52 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 2.66%
ขณะเดียวกันในส่วนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศของบลจ.พบว่ากองทุนเปิดวรรณนิวแคปปิตอลโกลบอลฟิกซ์อันคัมดิวิเดนฟันด์ (1NEWCAP-D) ให้ผลตอบแทนในรอบ 13 สัปดาห์สูงสุดที่ระดับ 0.70% ถัดมาคือ กองทุนเปิดวรรณนิวแคปปิตอลโกลบอลฟิกซ์อินคัมฟันด์ (1NEWCAP) ให้ผลตอบแทนที่ระดับ 0.60% ต่อมาคือกองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอล บอนด์ (1AMGBF) ให้ผลตอบแทน –0.06% สุดท้าย กองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอล บอนด์2 (1AMGBF2)มีผลตอบแทน 0.22%
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด รายงานผลการดำเนินงานกองทุนรวมภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2551 ว่าในส่วนประเภทกองทุนตราสารหนี้ พบว่า กองทุนเปิดวรรณเอ็ม เอ็ม1(1MM1) ให้ผลตอบแทนในรอบ 13 สัปดาห์ (ประมาณ 3 เดือน)สูงสุด 0.67% ขณะที่รอบ 26 สัปดาห์(ประมาณ 6 เดือน)ให้ผลตอบแทน 1.35% และรอบ 52 สัปดาห์ (ประมาณ 1ปี) ให้ผลตอบแทน 2.74%
เช่นเดียวกับ กองทุนเปิดวรรณ เอ็ม เอ็ม 4 (1MM4)ให้ผลตอบแทนรอบ 13 สัปดาห์ 0.67% ผลตอบแทนรอบ 26 สัปดาห์ที่ 1.39% ส่วนรอบ52 สัปดาห์มีผลตอบแทน 2.79% ถัดมาได้แก่กองทุนเปิดวรรณ เอ็มเอ็ม 3 (1MM3) ให้ผลตอบแทน 13 สัปปดาห์ 0.66% รอบ26สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 1.36% และรอบ 52 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 2.75% ต่อมาคือ กองทุนเปิด วรรณ เอ็มเอ็ม 2 ให้ผลตอบแทนในรอบ 13 สัปดาห์ 0.64% รอบ26 สัปดาห์ 1.31% และรอบ 52 สัปดาห์ 2.77%
ทั้งนี้ กองทุนซีรีส์ดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ อาทิ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีความมั่นคงเป็นหลัก และตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรกจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นทุน หน่วยลงทุนของกองทุนตราสารทุนหรือกองทุนรวมผสม ตลอดจนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนหรือกองทุรวมผสม รวมถึงตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร(Structured Note) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivative)ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการระดมเงินออมจากสถาบันและประชาชนทั่วไป เพื่อไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีความมั่นคงเป็นหลัก เพื่อที่จะให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในรูปของมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน
ขณะที่ กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น1 (1GB-PROTECT1) ให้ผลตอบแทนรอบ 13 สัปดาห์ที่ 0.57% รอบ 26 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 1.37% และรอบ 52 สัปดาห์มีผลตอบแทน 3.15% ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ที่สูงสุดของบริษัท ส่วนกองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไร (ONE-FAR) ให้ผลตอบแทนรอบ 13 สัปดาห์ 0.28% รอบ 26 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 1.00% และรอบ 52 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 2.29%
นอกจากนี้ พบว่าในรอบ 13 สัปดาห์มีกองทุนตราสารหนี้ 2โครงการที่ให้ผลตอบแทนติดลบ ได้แก่ กองทุนเปิดวรรณทวีปันผล (ONE-DP)ให้ผลตอบแทนรอบ 13 สัปดาห์อยู่ที่ 0.08% ขณะที่รอบ 26 สัปดาห์มีผลตอบแทน 0.88% และรอบ 52 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 2.19% ต่อมาคือ กองทุนเปิดตราสารหนี้คุณค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ(F-RMF) ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนได้สูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ อยู่ที่ –1.01% ขณะที่ 26 สัปดาห์ อยู่ที่0.03% และรอบ 52 สัปดาห์ (ประมาณ 1 ปี) 1.47% ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนตราสารหนี้โครงการเดียวของบลจ.วรรณ ที่ให้ผลตอบแทนในรอบ 52 สัปดาห์น้อยที่สุด
สำหรับภาพรวมในกองทุนตราสารทุนของบลจ.วรรณ พบว่าจากภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่มีความผันผวน ส่งผลให้ผลดำเนินงานกองทุนหุ้นทั้ง 12 โครงการอยู่ในระดับที่ต่ำหรือติดลบ โดยเฉพาะกองทุนเปิดวรรณซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว( 1SG-LTF)ให้ผลตอบแทนในรอบ 13 สัปดาห์ติดลบมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่มี –21.25% โดยอยู่ที่ –22.35% ขณะที่ผลตอบแทนรอบ 26 สัปดาห์อยู่ที่ –15.64% มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ระดับ –14.37% และรอบ 52 สัปดาห์ –17.99% มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ระดับ –15.98%
เช่นเดียวกับกองทุนเปิดเอกเอเชียพูนผล (ONE-FAS) ,กองทุนเปิดวรรณซีเล็กทีฟหุ้นระยะยาว (1S-LTF) ,กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มเซ็ท50 (1AMSET50) และกองทุนเปิดสหธนาคารเอกปันผล3 (ONEUB3) ซึ่งมีผลดำเนินงานติดลบมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ –22.35%,-22.34%,-21.97% และ –21.39% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม พบว่ากองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) เป็นเพียงกองทุนหุ้นโครงการเดียวที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรโดยไม่มีการติดลบ ซึ่งในรอบ 13 สัปดาห์กองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทน 0.28% ขณะที่ในรอบ 26 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 1.52% และในรอบ 52 สัปดาห์ให้ผลตอบแทน 2.66%
ขณะเดียวกันในส่วนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศของบลจ.พบว่ากองทุนเปิดวรรณนิวแคปปิตอลโกลบอลฟิกซ์อันคัมดิวิเดนฟันด์ (1NEWCAP-D) ให้ผลตอบแทนในรอบ 13 สัปดาห์สูงสุดที่ระดับ 0.70% ถัดมาคือ กองทุนเปิดวรรณนิวแคปปิตอลโกลบอลฟิกซ์อินคัมฟันด์ (1NEWCAP) ให้ผลตอบแทนที่ระดับ 0.60% ต่อมาคือกองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอล บอนด์ (1AMGBF) ให้ผลตอบแทน –0.06% สุดท้าย กองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอล บอนด์2 (1AMGBF2)มีผลตอบแทน 0.22%