xs
xsm
sm
md
lg

บีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ แชมป์ผลตอบแทนกองทุน RMF หุ้นทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประกาศปรับเพิ่มวงเงินการหักค่าลดหย่อนเงินได้สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จาก 3 แสนบาทต่อปีในปัจจุบันเป็น 5 แสนบาทต่อปี นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับอุตสาหกรรมกองทุน เพราะว่าเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนสนใจการออมเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยให้กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพทั้งระบบขยายตัวได้ดีขึ้น จากปัจจุบันที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่มีรายได้สูงมีทางเลือกการลงทุนที่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้น แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะมีจำนวนเพียง 6,000 คนเท่านั้น

คอลัมน์ "Best of Fund" สัปดาห์นี้ ขอพามาดูผลการดำเนินงานของกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนในตราสารทุน ซึ่งรายงานโดย Lipper ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ว่ามีกองทุนใดน่าสนใจบ้าง พร้อมมุมมองของผู้บริหารกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 โดยจะมาเผยถึงนโยบายในการเลือกลงทุนว่าเป็นอย่างไรจึงสามารถคว้าแชมป์มาได้

สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือกองทุนเปิดกองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ภายใต้การบริหารของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.33% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 3.77%

อันดับ 2 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.40% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 2.84% อันดับ 3 กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์เพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.กรุงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.35% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 2.79%

อันดับ 4 กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.86% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 2.30% อันดับ 5 กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.แอสเซทพลัส ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.79% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 2.23%

อันดับ 6 กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.อยุธยา ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.22% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 1.66% อันดับ 7 กองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.กสิกรไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.41% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 1.03%

อันดับ 8 กองทุนเปิดทิสโก้หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.ทิสโก้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.61% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 0.83% อันดับ 9 กองทุนเปิดธนชาติหุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.ธนชาต ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.66% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 0.78%

และอันดับ 10 กองทุนเปิดแมกซ์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.นครหลวงไทย ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.74% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 0.70%

แชมป์อันดับ 1 เปิดเผยกลยุทธ์
อนุสรณ์ บูรณกานนท์
กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เล่าให้ฟังว่า การที่กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ด้อันดับ 1 เพราะว่ากองทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นน้อยตัว โดยจะมีการคัดเลือกหุ้นจำนวน 16-20 ตัวใน SET 50 แต่จะลงทุนในหุ้นเพียง 15 ตัวเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีการใช้การจับจังหวะตลาด (market timing) และการจัดสรรเงินลงทุนในหลักทรัพย์ (asset allowcation) มาช่วยด้วย รวมทั้งการประเมินมูลค่าหุ้นว่าราคาหุ้นแพงหรือเปล่า หากราคาแพงไปก็จะเอาหุ้นตัวนั้นออก แล้วนำหุ้นตัวใหม่เข้ามาแทน โดยจะมีการหมุนเวียน (rotation) การลงทุนจากหุ้นจำนวน 20 ตัว

ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนหุ้นมีดังนี้ ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประมาณ 30% ลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานประมาณ 25% กลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารประมาณ 15-20% ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

"อนุสรณ์" บอกว่า นโยบายของกองทุนนี้ตั้งไว้อย่างชัดเจน โดยจะพยายามบริหารจัดการให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีเกณฑ์มาตรฐาน ขณะเดียวกัน กองทุนนี้ยังมีควาามเสี่ยงไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับ เนื่องจากลงทุนในหุ้นใน SET 50 ซึ่งเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยให้ผู้จัดการกองทุนดูแลการลงทุนให้ และกองทุนจะมีสไตล์การบริหารแบบเซมิ แอคทีฟ และมีการเข้าออกซื้อขายหุ้นตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม

สำหรับกองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ จะเน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ หรือเป็นธุรกิจอุตสาหหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนหรือมีโอกาสได้รับผลดีจากนโยบายของรัฐบาล หรือมีศักยภาพในการเติบโตสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือมีการหาดอกออกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.อนุญาตหรือเห็นชอบให้ลงทุนได้

ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตอบแทน แต่กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง
กำลังโหลดความคิดเห็น