xs
xsm
sm
md
lg

ฟิลลิป หุ้นทุนระยะยาว แชมป์กองทุนแอลทีเอฟเดือนมิ.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อย่างที่ทราบกันดีในช่วงนี้ว่า ตลาดหุ้นภายในประเทศมีความผันผวนอย่างหนัก จนทำให้นักลงทุนจับทิศทางการลงทุนได้อย่างยากลำบาก อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาปัจจัยทางด้านการเมืองก็ส่งผลกระทบต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะเลือกลงทุนอย่างไรที่จะไม่ขาดทุน ทำให้การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เราต้องมาศึกษากลยุทธ์ต่างๆจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ว่ามีวิธีการอย่างไรที่สามารถทำให้กองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบ ให้ผลตอบแทนที่ดีได้

แต่เมื่อภาวะตลาดยังคงผันผวนปรับตัวขึ้นลงวันเว้นวัน แถมด้วยราคาหุ้นยังคงแกว่งไปแกว่งมาทุกวัน ดังนั้น การเลือกปรับพอร์ตให้เข้ากับภาวะตลาดในขณะนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้กองทุนขึ้นมาเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดได้

วันนี้ คอลัมน์ “Best of Fund” จึงขอพามาดูผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ว่ามีกองทุนใดน่าสนใจบ้าง เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นในการลงทุนต่อไป พร้อมกับเปิดมุมมองและนโยบายในการเลือกลงทุนของผู้บริหารกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนมาเป็นอันดับ 1 ด้วย

สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิด ฟิลลิป หุ้นทุนระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ. ฟิลลิป จำกัด โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 6.86 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.60% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 14.03% อันดับ 2 กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ. บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 105.73 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.70% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 13.13%

อันดับ 3 โครงการจัดการกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 28.45 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.45% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 12.88% อันดับ4 กองทุนเปิดบีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.บีที โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 69.82 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.21% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 10.22 %

อันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 79.28 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.14% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯที่ 9.29% อันดับ 6 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 902.65 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.50% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 8.93%

อันดับ 7 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น ระยะยาว 70/30 ภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 77.67 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -1.87% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่8.56% อันดับ 8 กองทุนเปิดแมกซ์ปันผล หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ.นครหลวงไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 318.10 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -3.36% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 7.07%

อันดับ 9 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารของ บลจ. เอวายเอฟ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 320.03 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -3.51% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 6.92% และอันดับ 10 กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารของ บลจ.ทิสโก้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 96.07 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -3.77% และสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 6.66%
วรรธนะ วงศ์สีนิล
เปิดกลยุทธ์การลงทุน
วรรธนะ วงศ์สีนิล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ฟิลลิป จำกัด บอกว่า สำหรับกองทุนเปิด ฟิลลิป หุ้นทุนระยะยาว เริ่มจัดตั้งกองทุนเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 3 เดือน 6 เดือนที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของกองทุนก็ไม่ได้สวยหรูสักเท่าไหร่ และตั้งแต่จัดตั้งมาโดนพิษซับไพรม์ไป 3 รอบด้วยกัน ต่อมาบริษัทจึงปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ โดยเลือกลงทุนในหุ้นตัวใหญ่เป็นส่วนมาก โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นทุกตัวที่ลงทุนใน SET 50 ถึงแม้ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวลดลง แต่หุ้นของบริษัทก็ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น เห็นได้ว่าในช่วงของครึ่งปีแรก บริษัทยังคงลงทุนในหุ้นเหมือนเดิม

"หุ้นส่วนใหญ่ที่เราลงทุนจะเป็นหุ้นในกลุ่ม SET 50 เป็นหลัก แต่เราก็จะมีการเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นๆด้วย โดยมีหลักการคือ เราต้องเลือกดูหุ้นหรือพิจารณาเป็นตัวๆไป โดยส่วนใหญ่เราจะเลือกเก็บหุ้นตัวที่ราคาไม่แพงไว้ในพอร์ตการลงทุน เพื่อทำกำไรระยะยาวแทน อีกทั้งหุ้นตัวอื่นที่ไม่อยู่ใน SET 50 ขนาด มาร์เก็ตค่อนข้างแคบ ดังนั้นเวลาขายจึงไม่ค่อยดีเท่าที่ควร" วรรธนะ กล่าว

ขณะเดียวกัน การลงทุนของบริษัทนั้น ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในเซกเตอร์ที่คล้ายๆกับ บลจ. อื่นๆ คือ กลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร หรืออาจจะเป็นกลุ่มแบงก์ก็เป็นไปได้ แต่สำหรับหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ผ่านมา บริษัทก็มีการถืออยู่บ้าง แต่เพราะถืออยู่เป็นจำนวนไม่มากและได้ขายออกไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นเมื่อหุ้นกลุ่มแบงก์ตกบริษัทเลยไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่ ขณะที่ หลายๆบลจ.ที่ถือหุ้นกลุ่มแบงก์ไว้ในพอร์ตการลงทุน เมื่อราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วง บลจ.ต่างก็ได้รับผลกระทบไปตามๆกันดัวย เพราะช่วงที่ผ่านมาพบว่าหุ้นกลุ่มแบงก์แต่ละตัวราคาต่างปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทจะมีการปรับพอร์ตการลงทุน จะต้องมองถึงปัจจัยต่างๆในขณะนั้นด้วย เพราะว่าอาจมีหลายๆเหตุการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่นตอนนี้ที่มีคดีทางการเมืองที่พิจารณาอยู่ อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวไทยและนักลงทุนชาวต่างประเทศ ถึงความมั่นใจในการลงทุน

ดังนั้น การที่จะเลือกลงทุนหรือปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนจะต้องติดตามข่าวสารและศึกษาข้อมูลกันอย่างใกล้ชิด โดยดูได้จากเปอร์เซ็นต์ของ SET 50 ที่ปรับตัวอยู่ ณ ตอนนั้น ซึ่งตอนนี้ SET 50 ปรับตัวลดลงมาเหลือแค่ 700 กว่าจุด แล้วเรายังต้องดูค่า P/E ด้วย เพราะโอกาสที่หุ้นจะปรับตัวขึ้นก็เป็นไปได้

อีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ ภาวะโดยรวมของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเมื่อที่ผ่านมาสภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ดีเท่าที่ควร เพราะตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดมีความไม่ชัดเจน อีกทั้งโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ไม่รู้ว่าจะปรับขึ้นเมื่อไหร่ นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ หรือแม้แต่ราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวนอยู่ในขณะนี้ เราจึงต้องเตรียมตัวรับมือกับสถานะการณ์ต่างๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนไปตามสถานการณ์ เพื่อบริหารให้กองทุนของเราสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน

สำหรับกองทุนเปิด ฟิลลิป หุ้นทุนระยะยาว (P-LTF) เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน โดยกองทุนได้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2551 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 8 กรกฏาคม 2551 อยู่ที่ 6,731,136.42 ล้านบาท

โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือ มีการเติบโตสูง ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์ หรือสินทรัพย์อื่น ซึ่งกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน และอาจลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Notes)

ทั้งนี้ กองทุน P-LTF มีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2551 โดยลงทุนใน 5 อันดับแรกของผู้ออกตราสาร ได้แก่ อันดับ 1 บมจ. บ้านปู 21.21% อันดับ 2 บมจ. น้ำประปาไทย 19.46% ส่วนอันดับ 3 บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลี่ยม 14.22%อันดับ 4 บมจ.แอล.พี่.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ 4.50% และอันดับสุดท้าย บมจ. ปตท. 8.66%

นอกจากนี้ กองทุนมีสัดส่วนการลงทุน แบ่งออกเป็น ลงทุนในเงินฝากและตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงิน 16.27% ลงทุนในตั๋วแลกเงินของสถาบันทางการเงิน 15.02% ลงทุนในทรัพยากร/พลังงานและสาธารณูโภค 63.35% อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง/พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4.49 และลงทุนในธุรกิจการเงิน/ธนาคาร 0.88%
กำลังโหลดความคิดเห็น