“บลจ.กรุงไทย”โชว์ผลดำเนินงานกองทุนรวมภายใต้การบริหาร ณ สิ้นเดือนมิถุนายน พบ กองทุนหุ้นอิสลามทั้ง KSLTF และ KSRMF ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนโดดเด่นสุด จากกฎเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นที่ไม่เหมือนใคร ขณะที่ RMF2 ให้ยิลด์ย้อนหลัง 3 เดือนสูงสุดในหมู่กองตราสารหนี้ เช่นเดียวกับ กองมันนี่มาร์เก็ต “กรุงไทยสะสมทรัพย์”ที่ยิลด์สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลดำเนินงานภายใต้การจัดการ สิ้นสุด ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2551 ว่า กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว (KSLTF) เป็นกองทุนตราสารทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดหากเปรียบเทียบจากผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน โดยอยู่ที่ 3.01% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือนมีผลตอบแทน –0.06% ย้อนหลัง 1ปี มีผลตอบแทน 15.52%
อันดับ 2. ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KSRMF) ซึ่งมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 2.97% ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 0.62% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 18.15% อันดับ3. กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นปันผล (KTSF) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน –0.13% ส่วน 6 เดือนย้อนหลังมีผลตอบแทน –3.80% อันดับ4. กองทุนเปิดกรุงไทยทรีนิตี้ปันผล (KTTN) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.66% ย้อนหลัง 6 เดือนมีผลตอบแทน –3.02% และ 17.38% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี
ส่วนอันดับ5. กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 (KTLF70/30) ประกาศผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ –1.53% ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน –1.04% และ 14.83% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 6 .กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KLTF) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน -2.37% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือน มีผลตอบแทน –3.39% ย้อนหลัง 1 ปี มีผลตอบแทน 13.61% โดยทั้ง 6 กองทุนมีเกณฑ์มาตรฐาน 3 เดือนที่ –5.74% ย้อนหลัง6เดือน –8.96% และย้อนหลัง1ปี 0.61%
ขณะเดียวกัน กองทุนเปิดหุ้นระยะยาว SET50 (KSET50LTF) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน-5.60% ย้อนหลัง6 เดือนให้ผลตอบแทน -9.65% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 3 เดือน –6.40% และ –11.56% ตามลำดับ
โดยกองทุน KTLF จะลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม รวมทั้งลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และ/หรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด ทั้งนี้กองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)
ขณะที่ KSRMF เป็นกองทุนรวมตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพที่มีการกระจายการลงทุนน้อยวก่าเกณฑ์มาตร และมีนโยบายการลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารทุน ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลามที่มีผลประกอบการและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนที่เหลือกองทุนจะเข้าไปลงทุนในตราสารอื่นๆ หรือเงินฝากที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลาม ทั้งนี้หลักทรัพย์ที่กองทุนจะลงทุนได้ผ่านการหารือหลักการลงทุนตามหลักศาสนาอิสลามกับคณะกรรมการศาสนาของกองทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงกองทุนจะไม่เข้าไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structure Note) นอกจากนี้ผู้ที่เข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าวจะได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ จากข้อมูลพบว่า กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ 2 (RMF2) สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3เดือนสูงสุดที่ 2.28% ย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 6.07% และย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทน4.31% อันดับ2.กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล (KTDF) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 1.65% ย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 4.31% และ 2.97% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ส่วนอันดับ3. กำองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF3) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 1.43% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 5.92% และ 4.42% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี โดยทั้ง 3 กองทุนมีเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน ซึ่ง 3 เดือนอยู่ที่ –12.53% ส่วน6เดือน –2.08% และ 1 ปีที่ –0.52%
ขณะที่กองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ (KTSS) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินของบริษัท สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 2.59% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 2.16% ส่วนย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 2.71% สูงกว่าเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 2.12% และย้อนหลัง 1 ปี 2.73% สูงกว่าเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 2.11%
นอกจากนี้ในส่วนกองทุนรวมผสมพบว่า กองทุนเปิดไทยสร้างโอกาส (TOF) ให้ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนดีที่สุดที่ -2.66% ย้อนหลัง 6 เดือน –6.62% และย้อนหลัง 1 ปี 8.91% อันดับ2.กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF1) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน –2.78% ย้อนหลัง 6 เดือน –4.20% และ 10.80% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อันดับ3. กองทุนเปิดกรุงไทยธนวรรธน์ (KTTW) ให้ผลตอบแทนย้องหลัง 3 เดือน –2.92% ย้อนหลัง 6 เดือน –6.85% และย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทน 8.82% จากเกณฑ์มาตรฐาน 3 เดือน –4.45% ส่วน 6 เดือน –5.00% และ 0.05%สำหรับ 1ปี ขณะที่ Set Index 3เดือน –5.74% ส่วน 6 เดือน –8.96% และ 1ปี 0.61%
นายธีระพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการที่ กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว (KSLTF) และกองทุนกองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KSRMF) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ในระดับสูงแม้ว่ากองทุนตราสารทุนอื่นๆมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนติดลบว่า กองทุนทั้ง 2 ประเภทมีกฎและหลักเกณฑ์การลงทุนที่แตกต่างจากกองทุนหุ้นทั่วไป เพราะต้องใช้หลักเกณฑ์ลงทุนตามหลักของศาสนาอสิลาม ซึ่งทำให้ลงทุนผ่านหุ้นได้เพียงไม่กี่หลักทรัพย์ แต่ราคาหลักทรัพย์ดังกล่าวกลับมีทิศทางที่ดีสวนทางภาพรวมตลาดหุ้น
“ตอนที่ภาพรวมตลาดดี กองทุนประเภทนี้ต้องคัดสรรหุ้นเข้าในพอร์ตอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ถูกต้องกับหลักของศาสนาอสิลาม ดังนั้นด้วยการพิจารณาอย่างพิถีพิถันในการคัดเลือกหุ้นเข้าไว้ในพอร์ต ทำให้ช่วงที่ภาวะตลาดมีการปรับตัวลดลง แต่กลับไม่ฉุดราคาหุ้นที่บริษัทเข้าไปเลือกลงทุน อาทิกลุ่มพลังงาน อย่าง PTTEP เป็นต้น”นายธีระพันธุ์ กล่าว
ส่วนภาพกองทุนหุ้นของบริษัทนั้น นายธีระพันธุ์ กล่าว เป็นไปตามภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนี้ ที่มีการปรับตัวลดลงไปประมาณ 20% แต่เชื่อว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะเดียวกันหากย้อนกลับไปดูผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีทุกกองทุนยังสามารถให้ผลตอบแทนได้ในระดับดีและชนะเกณฑ์มาตรฐาน
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลดำเนินงานภายใต้การจัดการ สิ้นสุด ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2551 ว่า กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว (KSLTF) เป็นกองทุนตราสารทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดหากเปรียบเทียบจากผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน โดยอยู่ที่ 3.01% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือนมีผลตอบแทน –0.06% ย้อนหลัง 1ปี มีผลตอบแทน 15.52%
อันดับ 2. ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KSRMF) ซึ่งมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 2.97% ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 0.62% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 18.15% อันดับ3. กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นปันผล (KTSF) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน –0.13% ส่วน 6 เดือนย้อนหลังมีผลตอบแทน –3.80% อันดับ4. กองทุนเปิดกรุงไทยทรีนิตี้ปันผล (KTTN) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 0.66% ย้อนหลัง 6 เดือนมีผลตอบแทน –3.02% และ 17.38% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี
ส่วนอันดับ5. กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 (KTLF70/30) ประกาศผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ –1.53% ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน –1.04% และ 14.83% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อันดับ 6 .กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KLTF) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน -2.37% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือน มีผลตอบแทน –3.39% ย้อนหลัง 1 ปี มีผลตอบแทน 13.61% โดยทั้ง 6 กองทุนมีเกณฑ์มาตรฐาน 3 เดือนที่ –5.74% ย้อนหลัง6เดือน –8.96% และย้อนหลัง1ปี 0.61%
ขณะเดียวกัน กองทุนเปิดหุ้นระยะยาว SET50 (KSET50LTF) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน-5.60% ย้อนหลัง6 เดือนให้ผลตอบแทน -9.65% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 3 เดือน –6.40% และ –11.56% ตามลำดับ
โดยกองทุน KTLF จะลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม รวมทั้งลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และ/หรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด ทั้งนี้กองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)
ขณะที่ KSRMF เป็นกองทุนรวมตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพที่มีการกระจายการลงทุนน้อยวก่าเกณฑ์มาตร และมีนโยบายการลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารทุน ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลามที่มีผลประกอบการและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนที่เหลือกองทุนจะเข้าไปลงทุนในตราสารอื่นๆ หรือเงินฝากที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลาม ทั้งนี้หลักทรัพย์ที่กองทุนจะลงทุนได้ผ่านการหารือหลักการลงทุนตามหลักศาสนาอิสลามกับคณะกรรมการศาสนาของกองทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงกองทุนจะไม่เข้าไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structure Note) นอกจากนี้ผู้ที่เข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าวจะได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ จากข้อมูลพบว่า กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ 2 (RMF2) สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3เดือนสูงสุดที่ 2.28% ย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 6.07% และย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทน4.31% อันดับ2.กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล (KTDF) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 1.65% ย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 4.31% และ 2.97% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ส่วนอันดับ3. กำองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF3) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 1.43% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 5.92% และ 4.42% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี โดยทั้ง 3 กองทุนมีเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน ซึ่ง 3 เดือนอยู่ที่ –12.53% ส่วน6เดือน –2.08% และ 1 ปีที่ –0.52%
ขณะที่กองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ (KTSS) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินของบริษัท สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 2.59% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 2.16% ส่วนย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน 2.71% สูงกว่าเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 2.12% และย้อนหลัง 1 ปี 2.73% สูงกว่าเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 2.11%
นอกจากนี้ในส่วนกองทุนรวมผสมพบว่า กองทุนเปิดไทยสร้างโอกาส (TOF) ให้ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนดีที่สุดที่ -2.66% ย้อนหลัง 6 เดือน –6.62% และย้อนหลัง 1 ปี 8.91% อันดับ2.กองทุนเปิดกรุงไทยวางแผนภาษีเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF1) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน –2.78% ย้อนหลัง 6 เดือน –4.20% และ 10.80% สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อันดับ3. กองทุนเปิดกรุงไทยธนวรรธน์ (KTTW) ให้ผลตอบแทนย้องหลัง 3 เดือน –2.92% ย้อนหลัง 6 เดือน –6.85% และย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทน 8.82% จากเกณฑ์มาตรฐาน 3 เดือน –4.45% ส่วน 6 เดือน –5.00% และ 0.05%สำหรับ 1ปี ขณะที่ Set Index 3เดือน –5.74% ส่วน 6 เดือน –8.96% และ 1ปี 0.61%
นายธีระพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการที่ กองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์หุ้นระยะยาว (KSLTF) และกองทุนกองทุนเปิดกรุงไทยชาริอะฮ์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KSRMF) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ในระดับสูงแม้ว่ากองทุนตราสารทุนอื่นๆมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนติดลบว่า กองทุนทั้ง 2 ประเภทมีกฎและหลักเกณฑ์การลงทุนที่แตกต่างจากกองทุนหุ้นทั่วไป เพราะต้องใช้หลักเกณฑ์ลงทุนตามหลักของศาสนาอสิลาม ซึ่งทำให้ลงทุนผ่านหุ้นได้เพียงไม่กี่หลักทรัพย์ แต่ราคาหลักทรัพย์ดังกล่าวกลับมีทิศทางที่ดีสวนทางภาพรวมตลาดหุ้น
“ตอนที่ภาพรวมตลาดดี กองทุนประเภทนี้ต้องคัดสรรหุ้นเข้าในพอร์ตอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ถูกต้องกับหลักของศาสนาอสิลาม ดังนั้นด้วยการพิจารณาอย่างพิถีพิถันในการคัดเลือกหุ้นเข้าไว้ในพอร์ต ทำให้ช่วงที่ภาวะตลาดมีการปรับตัวลดลง แต่กลับไม่ฉุดราคาหุ้นที่บริษัทเข้าไปเลือกลงทุน อาทิกลุ่มพลังงาน อย่าง PTTEP เป็นต้น”นายธีระพันธุ์ กล่าว
ส่วนภาพกองทุนหุ้นของบริษัทนั้น นายธีระพันธุ์ กล่าว เป็นไปตามภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนี้ ที่มีการปรับตัวลดลงไปประมาณ 20% แต่เชื่อว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะเดียวกันหากย้อนกลับไปดูผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีทุกกองทุนยังสามารถให้ผลตอบแทนได้ในระดับดีและชนะเกณฑ์มาตรฐาน
