ผู้จัดการรายวัน - กบข. ติดตามสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เร่งปรับกลยุทธ์ลดผลกระทบแบบเชิงรุก โดยปรับสัดส่วนการลงทุนในทุกสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศหรือในประเทศ พร้อมชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ ตั้งเป้าเน้นการสื่อสารให้สมาชิกเข้าใจผลกระทบและความเคลื่อนไหววิกฤติการเงินโลกทุกช่องทาง
นางอมฤดา สุวรรณจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการ สายสมาชิกสัมพันธ์และกิจกรรมสาธารณะ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่านับจากที่เกิดวิกฤติ การเงินซึ่งส่งผลกระทบลุกลามไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ทำให้ภาวะการลงทุนอยู่ในภาวะถดถอยไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สร้างผลกระทบต่อนักลงทุนสถาบันรายใหญ่นักลงทุนรายย่อยรวมทั้ง กบข. ด้วย ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมของสมาชิกลดลง
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กบข. ได้มีการจัดการบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนภายใต้กรอบนโยบายอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการปรับสัดส่วนการลงทุนในทุกสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศหรือในประเทศ หรือการชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ และที่สำคัญ กบข. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสื่อสารและการให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิกฤติที่เกิดขึ้นแก่สมาชิก เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงผลกระทบต่อการลงทุนของ กบข.มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้ซึ่งมีสมาชิกจำนวนหนึ่งที่ต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพและยื่นเรื่องขอรับเงินคืน กบข. ได้จัดทำเอกสารแนบเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจกับผลกระทบด้านการลงทุน กบข. แนบไปพร้อมกับเอกสารแจ้งการขอรับเงินคืน
รวมทั้งยังมีการจัดส่งเอกสารข่าวเกี่ยวกับวิธีการจัดสรรผลประโยชน์จากการลงทุนให้กับสมาชิก โดยการคำนวณเป็นมูลค่าหน่วยลงทุนอีกด้วย เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวกับผลกระทบวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับยอดเงินสมาชิก และสามารถเข้าใจถึงวิธีการคำนวณเงินที่สมาชิกจะมีสิทธิได้รับจากการพ้นสมาชิกภาพ
อย่างไรก็ดี จากการคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนอย่างหนักไปทั่วโลกให้ยังคงอยู่ในระยะถดถอยอีกสักระยะ ซึ่ง กบข. เองพยายามอย่างยิ่งที่จะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อกองทุนให้น้อยที่สุด โดยมีการปรับกลยุทธ์การลงทุนและจัดการบริการความเสี่ยงอย่างใกล้ชิดวันต่อวัน ควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจแก่สมาชิกอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางการสื่อสารของ กบข. ทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อในวงกว้างอื่นๆ ตลอดจนการเข้าถึงสมาชิกผ่านการบรรยายในโครงการต่างๆ เพื่อให้สมาชิกรับทราบข้อมูลการดำเนินงานและความเคลื่อนไหวของกองทุนอยู่เสมอ
ก่อนหน้านี้ กบข. เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2551 ว่า มีสินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 3.91 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 14,779.70 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุนย้อนหลัง 12 เดือน (ตุลาคม 2550-กันยายน 2551) ติดลบ 4.55% ในขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2548-2550) อยู่ที่ 3.79% ส่วนอัตราผลตอบแทน ย้อนหลัง 5 ปี (ปี 2546-2550) อยู่ที่ระดับ 4% และผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน (ปี 2540-2550) อยู่ที่ระดับ 7.24% ทั้งนี้ ปัจจุบัน กบข. มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 69.80% ตราสารทุนในประเทศ 8.33% ตราสารต่างประเทศ 14.06% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 4.04% และการลงทุนทางเลือกอีก 3.77%
"ยอมรับว่าผลตอบแทนที่ติดลบเป็นผลมาจากความเสียหายจากพอร์ตการลงทุนที่ลงทุนในหุ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ราคาหุ้นในประเทศลดลงมาก ประมาณ 50% โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2551 ที่ถือว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมาอย่างหนัก ซึ่งความเสียหายดังกล่าวไม่ได้เกิด”นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กบข. กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลดลงดังกล่าว เป็นการลดลงในส่วนของผลตอบแทนเท่านั้น อีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงานในระยะยาวที่ผ่านมานั้น ผลตอบแทนที่บริหารให้กับสมาชิกนับตั้งแต่ปี 2540-กันยายน 2551 ที่กระจายเข้าสู่บัญชี สมาชิกยังคงอยู่ที่ร้อยละ 7.24 ส่วนอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยเท่ากับ 4.00 และย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ยเท่ากับ 3.79 ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย นั่นคือ สูงกว่าอัตราเงินฝากเฉลี่ย 5 ธนาคารใหญ่อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กองทุนเพื่อการเกษียณอายุ เช่น กบข.มีการกำหนดกรอบและกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยผลตอบแทนในระยะสั้นอาจผันผวนขึ้น-ลงตามภาวะเศรษฐกิจและตลาดเงินตลาดทุนในแต่ละช่วง ซึ่ง กบข.มีความเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนของทั้งโลกและในประเทศไทย มีแนวโน้มจะปรับตัวได้ดีขึ้นในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ กบข.ยังจำเป็นต้องรอดูสถานการณ์และจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมก่อนเพื่อประโยชน์ของสมาชิก
นางอมฤดา สุวรรณจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการ สายสมาชิกสัมพันธ์และกิจกรรมสาธารณะ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่านับจากที่เกิดวิกฤติ การเงินซึ่งส่งผลกระทบลุกลามไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ทำให้ภาวะการลงทุนอยู่ในภาวะถดถอยไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สร้างผลกระทบต่อนักลงทุนสถาบันรายใหญ่นักลงทุนรายย่อยรวมทั้ง กบข. ด้วย ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมของสมาชิกลดลง
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กบข. ได้มีการจัดการบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนภายใต้กรอบนโยบายอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการปรับสัดส่วนการลงทุนในทุกสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศหรือในประเทศ หรือการชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ และที่สำคัญ กบข. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสื่อสารและการให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิกฤติที่เกิดขึ้นแก่สมาชิก เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงผลกระทบต่อการลงทุนของ กบข.มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้ซึ่งมีสมาชิกจำนวนหนึ่งที่ต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพและยื่นเรื่องขอรับเงินคืน กบข. ได้จัดทำเอกสารแนบเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจกับผลกระทบด้านการลงทุน กบข. แนบไปพร้อมกับเอกสารแจ้งการขอรับเงินคืน
รวมทั้งยังมีการจัดส่งเอกสารข่าวเกี่ยวกับวิธีการจัดสรรผลประโยชน์จากการลงทุนให้กับสมาชิก โดยการคำนวณเป็นมูลค่าหน่วยลงทุนอีกด้วย เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวกับผลกระทบวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับยอดเงินสมาชิก และสามารถเข้าใจถึงวิธีการคำนวณเงินที่สมาชิกจะมีสิทธิได้รับจากการพ้นสมาชิกภาพ
อย่างไรก็ดี จากการคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนอย่างหนักไปทั่วโลกให้ยังคงอยู่ในระยะถดถอยอีกสักระยะ ซึ่ง กบข. เองพยายามอย่างยิ่งที่จะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อกองทุนให้น้อยที่สุด โดยมีการปรับกลยุทธ์การลงทุนและจัดการบริการความเสี่ยงอย่างใกล้ชิดวันต่อวัน ควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจแก่สมาชิกอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางการสื่อสารของ กบข. ทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อในวงกว้างอื่นๆ ตลอดจนการเข้าถึงสมาชิกผ่านการบรรยายในโครงการต่างๆ เพื่อให้สมาชิกรับทราบข้อมูลการดำเนินงานและความเคลื่อนไหวของกองทุนอยู่เสมอ
ก่อนหน้านี้ กบข. เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2551 ว่า มีสินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 3.91 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 14,779.70 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุนย้อนหลัง 12 เดือน (ตุลาคม 2550-กันยายน 2551) ติดลบ 4.55% ในขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2548-2550) อยู่ที่ 3.79% ส่วนอัตราผลตอบแทน ย้อนหลัง 5 ปี (ปี 2546-2550) อยู่ที่ระดับ 4% และผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน (ปี 2540-2550) อยู่ที่ระดับ 7.24% ทั้งนี้ ปัจจุบัน กบข. มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 69.80% ตราสารทุนในประเทศ 8.33% ตราสารต่างประเทศ 14.06% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 4.04% และการลงทุนทางเลือกอีก 3.77%
"ยอมรับว่าผลตอบแทนที่ติดลบเป็นผลมาจากความเสียหายจากพอร์ตการลงทุนที่ลงทุนในหุ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ราคาหุ้นในประเทศลดลงมาก ประมาณ 50% โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2551 ที่ถือว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมาอย่างหนัก ซึ่งความเสียหายดังกล่าวไม่ได้เกิด”นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กบข. กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลดลงดังกล่าว เป็นการลดลงในส่วนของผลตอบแทนเท่านั้น อีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงานในระยะยาวที่ผ่านมานั้น ผลตอบแทนที่บริหารให้กับสมาชิกนับตั้งแต่ปี 2540-กันยายน 2551 ที่กระจายเข้าสู่บัญชี สมาชิกยังคงอยู่ที่ร้อยละ 7.24 ส่วนอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยเท่ากับ 4.00 และย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ยเท่ากับ 3.79 ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย นั่นคือ สูงกว่าอัตราเงินฝากเฉลี่ย 5 ธนาคารใหญ่อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กองทุนเพื่อการเกษียณอายุ เช่น กบข.มีการกำหนดกรอบและกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยผลตอบแทนในระยะสั้นอาจผันผวนขึ้น-ลงตามภาวะเศรษฐกิจและตลาดเงินตลาดทุนในแต่ละช่วง ซึ่ง กบข.มีความเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนของทั้งโลกและในประเทศไทย มีแนวโน้มจะปรับตัวได้ดีขึ้นในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ กบข.ยังจำเป็นต้องรอดูสถานการณ์และจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมก่อนเพื่อประโยชน์ของสมาชิก
