xs
xsm
sm
md
lg

เครือ"AIG-ING"ลั่นฐานะแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริษัทในเครือเอไอจี-ไอเอ็นจี เรียงหน้าชี้แจงผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ แบงก์เอไอจียันฐานะการเงินแกร่ง เงินกองทุนปึกสูงถึง 24.81% จากที่แบงก์ชาติกำหนดไว้ 8.5% ส่วนบริษัทแม่ไม่ถอนการลงทุน แถมส่งเงินเสริมสภาพคล่องให้เพิ่มอีก 14,000 ล้าน รับช่วงแรมีเงินฝากไหลออกประมาณ 20%แต่หลังชี้แจงลูกค้าเข้าใจแล้วมียอดเงินฝากกลับเข้ามาแล้ว ด้าน "ไอเอ็นจีประกันชีวิต" ยันไม่มีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเลห์แมน แต่จากความกังวลที่เกิดขึ้นกับธุรกิจประกันชีวิตอาจจะทำให้ตลาดรวมในช่วงที่เหลือไม่โตตามที่คาด

นายชาลี มาดาน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารยืนยันความแข็งแกร่งทางธุรกิจและการสร้างผลกำไรของธนาคาร โดยจะเห็นได้จากผลกำไรในครึ่งปีแรกของปีนี้อยู่ที่จำนวน 172 ล้านบาท และสินทรัพย์ของธนาคารมีสูงถึง 23,000 ล้านบาท
อีกทั้งยังให้ความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจเพิ่มเติมอีกว่า ธนาคารยังมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องในการประกอบธุรกิจของธนาคาร โดยธนาคารมีหลักประกันที่มั่นคงทั้งเงินสดและพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งได้ฝากไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อีกทั้งการให้สินเชื่อทั้งหมดของธนาคารเป็นการให้สินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อยในประเทศไทยเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้กลุ่มบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) พร้อมที่จะสนับสนุนเงินทุนสภาพคล่องให้แก่ธนาคารอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สภาพเงินกองทุนสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 อยู่ที่ระดับ 24.81% ซึ่งมากกว่าอัตราขั้นต่ำของธปท.ที่กำหนดไว้ 8.5% และถือว่าสูงสุดในไทย เพราะเฉลี่ยของธนาคารอื่นจะอยู่ที่ 11-14%
ทั้งนี้ ปัจจุบันทาง AIG ถือหุ้นของธนาคารอยู่ 99.55% ที่เหลืออีก 0.45% เป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 1,300-1,400 ราย และทางบริษัทแม่ยังชัดเจนว่าจะทำธุรกิจในไทยต่อ
"กลุ่มบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) พร้อมที่จะสนับสนุนเงินทุนสภาพคล่องให้แก่ธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทาง AIG ได้ทยอยส่งเงินเข้ามาเพิ่มให้อีก 14,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นคง โดยปัจจุบันธนาคารมีเงินฝากอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นลูกค้า 400,000 รายเป็นลูกค้าในไทยทั้งหมด"นายชาลีกล่าว
ส่วนตอนนี้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเงินของสหรัฐฯ นั้น ทางลูกค้าได้มีการถอนเงินออกไปบ้างประมาณ 20% ของฐานเงินฝาก
แต่เมื่อธนาคารมีการชี้แจงถึงข้อเท็จจริงก็มีลูกค้าบางส่วนกลับเข้ามา โดยในขณะนี้ยอดการไหลออกของเงินฝากมีไม่ถึง 10%แล้ว
"ที่ผ่านมาเราไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง แต่ที่บริษัทมีการส่งเงินเข้ามาเพิ่มนี้เป็นการให้ความมั่นใจกับลูกค้า โดยเงินส่วนนี้ก็จะเข้ามาเป็นเงินสำรองและเปิดวงเงินไว้ให้ด้วย ซึ่งหากรวมเงินฝากและเงินที่เติมเข้ามาใหม่ก็จะทำให้แบงก์มีสภาพคล่องอยู่ที่ 33,000 ล้านบาท และหากรวมในส่วนอื่นๆ เข้าไปด้วยก็จะมีอยู่ถึง 35,000 ล้านบาท สำหรับธุรกรรมที่แบงก์ทำเป็นธุรกรรมที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งหมายถึงสินเชื่อรถยนต์ 100% ถือว่าความเสี่ยงน้อยที่สุด"นายชาลีกล่าว
นายชาลี กล่าวว่า พอร์ตสินเชื่อของธนาคารปีก่อนอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท และปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 17,000 ล้านบาทเนื่องจากธนาคารมีการบริหารความเสี่ยงด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
ด้านนายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทไม่มีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเลห์แมน บราเธอร์ส ขณะที่กลุ่มไอเอ็นจีทั่วโลกได้รับความเสียหายภาวะอาจล้มละลายของเลห์แมนฯ ในสัดส่วนที่น้อยมากประมาณ 100 ล้านยูโร ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยยังมีความมั่นคง เนื่องจากมีการตรวจสอบที่เข้มงวดจากภาครัฐ แต่คาดว่าความกังวลที่ เกิดขึ้นกับธุรกิจประกันชีวิตในขณะนี้ จะทำให้ภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ อาจไม่เติบโตตามที่คาดไว้
สำหรับวิกฤติสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐขณะนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัท แต่มีผลกระทบทางอ้อมบ้าง เนื่องจากลูกค้าบางราย
เข้าใจข้อมูลคลาดเคลื่อน แต่บริษัทได้ดำเนินการชี้แจงกับลูกค้าไปแล้ว และได้มีการแจ้งข้อมูลให้พนักงาน รวมถึงตัวแทนของบริษัทได้รับทราบ อีกทั้งจะมีการส่งหนังสือชี้แจงให้ลูกค้าทราบต่อไปด้วย
ส่วนพอร์ตการลงทุนของไอเอ็นจีประกันชีวิตในประเทศไทย สิ้นเดือนมิ.ย.51 มีมูลค่า 8.99 พันล้านบาท แบ่งเป็นตราสารหนี้ภาครัฐราว 75%
ตราสารหนี้เอกชน 15% ที่เหลือเป็นเงินฝาก 5% หุ้นสามัญกับหน่วยลงทุนอีก 5% ส่วนสิ้นไตรมาส 2/51 ไอเอ็นจีกรุ๊ป มีสินทรัพย์รวมเกือบ 1.48 ล้านล้านยูโร
"ความกังวลที่เกิดขึ้นกับธุรกิจประกันชีวิต ในเวลานี้ อาจจะทำให้ตลาดรวมในช่วง 3-4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ไม่เติบโตเหมือนที่คาดกันไว้ แต่ยังขอยืนยันต่อลูกค้าและประชาชนทั่วไปว่า ธุรกิจประกันชีวิตของไทย ยังมีความมั่นคง และรัฐบาลมีการควบคุมตรวจสอบอย่างเข้มงวด"
กำลังโหลดความคิดเห็น