“สุชาติ” ก้นร้อนข่าวแบงก์-ประกันล้ม ยอมรับเป็นการพูดโดยใช้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ยันไม่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง พร้อมยอมรับ ได้สั่งให้แบงก์ชาติเรียก 3 แบงก์ใหญ่ เร่งปั๊มเงินเข้าระบบรับมือปัญหาสภาพคล่อง ส่วนความขัดแย้งกับผู้ว่าการ ธปท.ได้ลืมไปแล้ว ขณะที่ผู้บริหาร “ซี.พี.อลิอันซ์” ยืนยันธุรกิจยังแข็งแกร่ง
วันนี้ (24 ก.ย.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงถึงกระแสข่าวที่มีความเข้าใจผิดว่ามีบริษัทประกันมีปัญหาขาดสภาพคล่องจนรัฐบาลต้องอัดฉีดเงินเข้าช่วยเหลือว่า ความจริงแล้วเป็นแผนที่กระทรวงการคลังได้เตรียมแผนรับมือกับผลกระทบสภาพคล่องในระบบที่อาจตึงตัว และวิกฤตปัญหาการเงินในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นายสุชาติ ยอมรับว่า ตนเองได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรียกธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่ง ดูแลสภาพคล่องในตลาดเงินให้เพียงพอ เนื่องจากปัญหาการเงินในสหรัฐฯ อาจลุกลามออกไป แต่ยืนยันว่าในส่วนของบริษัทประกันหรือสถาบันการเงินของไทย ยังไม่เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง
“กรณีที่มีข่าวบริษัทประกันภัยล้มนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งตนอาจให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งต้องขอโทษทางหนังสือพิมพ์มติชน และขอรับผิดในการให้ข่าว ส่วนการเสริมสภาพคล่องนั้น ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติ”
ทั้งนี้ ธปท. และธนาคารพาณิชย์ ได้มีการเสริมสภาพคล่องไว้อยู่แล้ว ซึ่งในสภาวะเศษรฐกิจที่มีความผันผวน นายสุชาติ ยืนกรานว่า การดูแลเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการทำงานของคลังและแบงก์ชาติ จะต้องไปในทิศทางเดียวกัน
“ผมมั่นใจว่าจะสามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ ทั้งแบงก์ชาติ และหน่วยงานอื่นๆ เพราะไม่ได้มีปัญหากับผู้ว่าการ ธปท. ส่วนเรื่องที่เคยผ่านมานั้น ลืมไปหมดแล้ว และไม่ได้เก็บนำมาคิด”
นายสุชาติ ระบุว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ จะไม่มีผลกระทบถึงประเทศไทยอย่างแน่นอน และบริษัทประกันไม่มีความกังวล เพราะไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีเงินทุนสำรองสูงกว่าข้อกำหนด 10 เท่า
**ประกันเครือ ซี.พี.ยังธุรกิจแข็งแกร่ง
นายวิลฟ์ แบล็คเบิร์น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับ เอไอจี กลุ่มบริษัทประกันภัยและผู้ให้บริการทางการเงินยักใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าจะไม่มีผลกับบริษัท โดยเห็นได้จาก 3 สัปดาห์แรกของเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ยอดขายกรมธรรม์เพิ่มขึ้นทุกช่องทาง บ่งบอกถึงความมั่นใจและเชื่อมั่นของลูกค้า
ขณะเดียวกัน อัตราการเติบโตของบริษัทที่ผ่านมา สูงกว่าอัตราการเติบโตในอุตสาหกรรมประกันมาก เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย แตกต่างกับบริษัทอื่นๆ ที่เน้นขายประกันแบบออมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเงินที่ผันผวน ส่งผลให้ลูกค้าไม่มั่นใจซื้อผลิตภัณฑ์ในระยะยาวมากนัก นอกจากนี้ ปัจจุยที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อกรมธรรมในปัจจุบัน ไม่ได้เน้นเฉพาะตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมองถึงตัวบริษัทประกันว่ามีชื่อเสียง มีการบริหารจัดการความเสี่ยงและการลงทุนอย่างไร
นอกจากนี้ บริษัทยังมองถึงผู้ร่วมทุนหรือหุ้นส่วนด้วยว่ามีความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนอกจากบริษัทจะมีชื่อเสียงระดับโลกด้านจริยธรรม มีหน่วยงานบริหารความเสี่ยง และมีหุ้นส่วนที่มีความมั่นคง ทั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเครือ ซี.พี.
สำหรับ ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2551 (ม.ค.-พ.ค.) ยังสร้างรายได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เบี้ยรับปีแรกเติบโตกว่า 34% มาอยู่ที่ 1.607 ล้านบาท ขณะที่ทั้งตลาดโต 12% โดยช่องทางจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนยังเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งกว่า 745 ล้านบาท คิดเป็น 48%