กบข. ปรับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงรับมือความผันผวน ยอมรับตลาดทุนโลกปีนี้ผันผวนมากสุดในรอบหลายปี ยืนยันช่วงนี้ลดถือหุ้นต่างประเทศเหลือเพียง 7%เท่านั้น
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า การลงทุนตลาดทุนในปีนี้ต้องยอมรับว่ามีความผันผวนมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพอสังหาริมทรัพย์ (ซับไพร์ม) ซึ่งกระทบเป็นลูกโซ่จนกลายเป็นวิกฤติการเงินทั่วโลก ทำให้สถาบันการเงินต่างเร่งถอนเงินลงทุนในตลาดทุน และทำให้มูลค่ารวมของตลาดปรับตัวลดลงมากเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะที่เป็นตลาดตราสารทุนของประเทศเกิดใหม่และตลาด ในทวีปเอเชีย
อย่างไรก็ดีในสภาวะเช่นนี้ กบข. ก็ได้มีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุนด้วยการลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนในประเทศ ลงมาเหลือเพียงร้อยละ 7 ของพอร์ตการลงทุน และหันมาถือครองเงินสดมากขึ้นด้วยการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีในรูปของค่าเช่าที่ค่อนข้างคงที่และต่อเนื่อง เป็นกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ
นอกจากนี้ กบข. ยังได้ลดสัดส่วนการลงทุนตราสารต่างประเทศลง เนื่องจากเห็นว่าความเสี่ยงและความผันผวนในตลาดต่างประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจประเทศหลักจะเข้าสู่ในภาวะถดถอย
โดยจากการคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนอย่างหนักไปทั่วโลกให้ยังคงอยู่ในระยะถดถอยอีกสักระยะ ซึ่ง กบข. เองพยายามอย่างยิ่งที่จะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อกองทุนให้น้อยที่สุด โดยมีการปรับกลยุทธ์การลงทุนและจัดการบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิดวันต่อวัน โดยสมาชิก กบข. สามารถติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้จากช่องทางการสื่อสารมากมายของ กบข. เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลการดำเนินการของกองทุนอยู่เสมอ
สำหรับ ในปี2552 กบข.มีแผนจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 4% เนื่องจากที่ผ่านมา การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้สูงถึง 8-10% โดยอสังหารมิทรัพย์ที่น่าสนใจ จะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า อพาร์ตเม้นท์ให้เช่า ซึ่งสามารถปรับค่าเช่าในอนาคตได้ โดยในขณะนี้ กบข.มีเพดานการลงทุนในการลงทุนทางเลือกส่วนนี้ประมาณ 6.5-7% ซึ่งหลังจากนี้ จะทยอยลงทุนให้ได้ตามเพดานดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ เลขาธิการกบข. กล่าวว่าในส่วนของผลตอบแทนทั้งปีของ กบข. อาจจะติดลบประมาณ 6-7% หากสถานการณ์การลงทุนในหุ้นยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ หลังจากตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนย้อนหลังไป 12 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกบข.ติดลบไปแล้ว 4.55% ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่ติดลบดังกล่าว ต้องบอกว่าไม่ได้เกิดจากการออกไปลงทุนต่างประเทศของกบข. เพราะกองทุนในต่างประเทศก็ติดลบเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า เชื่อว่าอัตราผลตอบแทนของกบข.จะพลิกเป็นบวกได้ประมาณ 5-7%จากราคาหุ้นที่ดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น เพราะเชื่อว่าในปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุด ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นก็มักจะตอบรับข่าวล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือนก่อน ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2540 และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-3.5%
ทั้งนี้ กบข.จะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอีกในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นตรงกับกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้ โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนหุ้นของกบข. มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ 7% และ ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 7% เช่นกัน ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในประเทศเอง เรามีเพดานการลงทุนไว้ที่ 11.5% ตามแผนการลงทุนในและในต่างประเทศ 12.5%
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า การลงทุนตลาดทุนในปีนี้ต้องยอมรับว่ามีความผันผวนมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพอสังหาริมทรัพย์ (ซับไพร์ม) ซึ่งกระทบเป็นลูกโซ่จนกลายเป็นวิกฤติการเงินทั่วโลก ทำให้สถาบันการเงินต่างเร่งถอนเงินลงทุนในตลาดทุน และทำให้มูลค่ารวมของตลาดปรับตัวลดลงมากเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะที่เป็นตลาดตราสารทุนของประเทศเกิดใหม่และตลาด ในทวีปเอเชีย
อย่างไรก็ดีในสภาวะเช่นนี้ กบข. ก็ได้มีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุนด้วยการลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนในประเทศ ลงมาเหลือเพียงร้อยละ 7 ของพอร์ตการลงทุน และหันมาถือครองเงินสดมากขึ้นด้วยการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีในรูปของค่าเช่าที่ค่อนข้างคงที่และต่อเนื่อง เป็นกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ
นอกจากนี้ กบข. ยังได้ลดสัดส่วนการลงทุนตราสารต่างประเทศลง เนื่องจากเห็นว่าความเสี่ยงและความผันผวนในตลาดต่างประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจประเทศหลักจะเข้าสู่ในภาวะถดถอย
โดยจากการคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนอย่างหนักไปทั่วโลกให้ยังคงอยู่ในระยะถดถอยอีกสักระยะ ซึ่ง กบข. เองพยายามอย่างยิ่งที่จะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อกองทุนให้น้อยที่สุด โดยมีการปรับกลยุทธ์การลงทุนและจัดการบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิดวันต่อวัน โดยสมาชิก กบข. สามารถติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้จากช่องทางการสื่อสารมากมายของ กบข. เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลการดำเนินการของกองทุนอยู่เสมอ
สำหรับ ในปี2552 กบข.มีแผนจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 4% เนื่องจากที่ผ่านมา การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้สูงถึง 8-10% โดยอสังหารมิทรัพย์ที่น่าสนใจ จะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า อพาร์ตเม้นท์ให้เช่า ซึ่งสามารถปรับค่าเช่าในอนาคตได้ โดยในขณะนี้ กบข.มีเพดานการลงทุนในการลงทุนทางเลือกส่วนนี้ประมาณ 6.5-7% ซึ่งหลังจากนี้ จะทยอยลงทุนให้ได้ตามเพดานดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ เลขาธิการกบข. กล่าวว่าในส่วนของผลตอบแทนทั้งปีของ กบข. อาจจะติดลบประมาณ 6-7% หากสถานการณ์การลงทุนในหุ้นยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ หลังจากตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนย้อนหลังไป 12 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกบข.ติดลบไปแล้ว 4.55% ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่ติดลบดังกล่าว ต้องบอกว่าไม่ได้เกิดจากการออกไปลงทุนต่างประเทศของกบข. เพราะกองทุนในต่างประเทศก็ติดลบเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า เชื่อว่าอัตราผลตอบแทนของกบข.จะพลิกเป็นบวกได้ประมาณ 5-7%จากราคาหุ้นที่ดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น เพราะเชื่อว่าในปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุด ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นก็มักจะตอบรับข่าวล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือนก่อน ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2540 และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-3.5%
ทั้งนี้ กบข.จะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอีกในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นตรงกับกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้ โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนหุ้นของกบข. มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ 7% และ ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 7% เช่นกัน ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในประเทศเอง เรามีเพดานการลงทุนไว้ที่ 11.5% ตามแผนการลงทุนในและในต่างประเทศ 12.5%
