กบข.ชะลอแผนส่งเงินลงทุนต่างประเทศ รับมือภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงอย่างหนัก แถมเจอภาวะเงินทุนไหลออก จากตลาดทุนกลุ่มประเทศเกิดใหม่ พร้อมย้ำกลยุทธ์ลงทุน เน้นจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ ทั้ง พันธบัตรรัฐบาล-นหุ้นพื้นฐานดี หวังผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล มากกว่าผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวของราคา
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นกับตลาดเงินโลกจากวิกฤตสินเชื่อด้อยคุณภาพเมื่อปลายปี 2550 ทำให้กลยุทธ์การลงทุนและการบริหารความเสี่ยงของ กบข.ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปีหน้า จำเป็นต้องระมัดระวังการลงทุนในต่างประเทศ และทบทวนกลยุทธ์การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยยึดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นหลัก โดยในช่วงวิกฤตินี้จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) การหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคงที่เป็นหลัก
“ในปีหน้าการบริหารความเสี่ยงการลงทุน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะวิกฤติภาคการเงินและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความเสี่ยงด้านเครดิตทั้งของตัวบริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุน และเครดิตของผู้ออกตราสารหนี้จะมีมากขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ และติดตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่เป็นระบบ มีคู่มือบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่มีการทบทวนเป็นประจำ” นายวิสิฐ กล่าว
ทั้งนี้ กบข.ยังได้ชะลอการนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ กบข. จะได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้ขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อรับมือกับภาวะการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก จากการที่มีเงินทุนไหลออกจากตลาดทุนของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยปัจจุบัน กบข.ได้หันมาลงทุนในตราสารหนี้และถือเงินสดเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีอีกมิติหนึ่งของการควบคุมความเสี่ยงในการสร้างผลตอบแทนในช่วงที่ราคาสินทรัพย์มีความผันผวนมากกว่าปกติเช่นในปัจจุบัน โดย กบข.ได้เน้นการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น การลงทุนในตลาดตราสารหนี้รัฐบาล หรือการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี เพื่อหวังผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลมากกว่าผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวของราคาการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากตลาดเงินและตลาดทุน ที่สามารถสร้างรายได้อย่างแน่นอนจะกลายเป็นแหล่งการลงทุนทางเลือกที่ดี ได้แก่ การลงทุนในส่วนอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค เป็นต้น
โดยในส่วนของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น จะเพิ่มน้ำหนักจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 4% ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้สูงถึง 8-10% โดยอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ จะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า อพาร์ตเมนต์ให้เช่า ซึ่งสามารถปรับค่าเช่าในอนาคตได้ โดยในขณะนี้ กบข.มีเพดานการลงทุนในการลงทุนทางเลือกส่วนนี้ประมาณ 6.5-7% ซึ่งหลังจากนี้ จะทยอยลงทุนให้ได้ตามเพดานดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ กบข.เชื่อว่า ในปีหน้า กลยุทธ์การลงทุนของ กบข. จะทำให้อัตราผลตอบแทนของ กบข.พลิกเป็นบวกได้ประมาณ 5-7% จากราคาหุ้นที่ดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น เพราะเชื่อว่าในปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุด ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นก็มักจะตอบรับข่าวล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือนก่อน ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2540 และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-3.5%
ทั้งนี้ กบข.จะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอีกในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นตรงกับกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้ โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนหุ้นของกบข. มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ 7% และ ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 7% เช่นกัน ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในประเทศเอง เรามีเพดานการลงทุนไว้ที่ 11.5% ตามแผนการลงทุนในและในต่างประเทศ 12.5%
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นกับตลาดเงินโลกจากวิกฤตสินเชื่อด้อยคุณภาพเมื่อปลายปี 2550 ทำให้กลยุทธ์การลงทุนและการบริหารความเสี่ยงของ กบข.ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปีหน้า จำเป็นต้องระมัดระวังการลงทุนในต่างประเทศ และทบทวนกลยุทธ์การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยยึดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นหลัก โดยในช่วงวิกฤตินี้จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) การหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคงที่เป็นหลัก
“ในปีหน้าการบริหารความเสี่ยงการลงทุน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะวิกฤติภาคการเงินและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความเสี่ยงด้านเครดิตทั้งของตัวบริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุน และเครดิตของผู้ออกตราสารหนี้จะมีมากขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ และติดตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่เป็นระบบ มีคู่มือบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่มีการทบทวนเป็นประจำ” นายวิสิฐ กล่าว
ทั้งนี้ กบข.ยังได้ชะลอการนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ กบข. จะได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้ขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อรับมือกับภาวะการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก จากการที่มีเงินทุนไหลออกจากตลาดทุนของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยปัจจุบัน กบข.ได้หันมาลงทุนในตราสารหนี้และถือเงินสดเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีอีกมิติหนึ่งของการควบคุมความเสี่ยงในการสร้างผลตอบแทนในช่วงที่ราคาสินทรัพย์มีความผันผวนมากกว่าปกติเช่นในปัจจุบัน โดย กบข.ได้เน้นการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น การลงทุนในตลาดตราสารหนี้รัฐบาล หรือการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี เพื่อหวังผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลมากกว่าผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวของราคาการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากตลาดเงินและตลาดทุน ที่สามารถสร้างรายได้อย่างแน่นอนจะกลายเป็นแหล่งการลงทุนทางเลือกที่ดี ได้แก่ การลงทุนในส่วนอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค เป็นต้น
โดยในส่วนของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น จะเพิ่มน้ำหนักจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 4% ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้สูงถึง 8-10% โดยอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ จะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า อพาร์ตเมนต์ให้เช่า ซึ่งสามารถปรับค่าเช่าในอนาคตได้ โดยในขณะนี้ กบข.มีเพดานการลงทุนในการลงทุนทางเลือกส่วนนี้ประมาณ 6.5-7% ซึ่งหลังจากนี้ จะทยอยลงทุนให้ได้ตามเพดานดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ กบข.เชื่อว่า ในปีหน้า กลยุทธ์การลงทุนของ กบข. จะทำให้อัตราผลตอบแทนของ กบข.พลิกเป็นบวกได้ประมาณ 5-7% จากราคาหุ้นที่ดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น เพราะเชื่อว่าในปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุด ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นก็มักจะตอบรับข่าวล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือนก่อน ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2540 และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-3.5%
ทั้งนี้ กบข.จะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอีกในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นตรงกับกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้ โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนหุ้นของกบข. มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ 7% และ ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 7% เช่นกัน ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในประเทศเอง เรามีเพดานการลงทุนไว้ที่ 11.5% ตามแผนการลงทุนในและในต่างประเทศ 12.5%