บลจ.วรรณเตรียมส่งแอลทีเอฟ และ อาร์เอ็มเอฟ ทุกโครงการเข้าร่วมมหกรรมลดภาษีนาทีสุดท้าย และจัดสัมนากระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี ยืนยันมีทางเลือกให้นักลงทุนครบครัน ไม่ออกกองใหม่เพิ่มเติม พร้อมแนะนำลูกค้าให้ความสนใจกับการกระจายลงทุน โดยอาจลงทุนได้มาก 1 โครงการเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง
นายสุริพล เข็มจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บลจ.วรรณ มีกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) รวม 7 โครงการไว้รองรับนักลงทุน ตามความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจุดนี้เชื่อว่าบริษัทมีโปรดักต์ครบถ้วนแล้วและไม่มีความจำเป็นต้องกองทุนประเภทดังกล่าวเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
“กองทุนอาร์เอ็มเอฟ และแอลทีเอฟของเราสามารถตอบสนองนักลงทุนได้ทุกรูปแบบ ในความเสี่ยงการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับตัวลูกค้าว่าจะยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เริ่มตั้งแต่กองทุนอาร์เอ็มเอฟ มันนีมาร์เกต ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำมาก แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนก็มีน้อยตามความเสี่ยง หากไม่ต้องการก็สามารถมาลงทุนผ่านกองทุนอาร์เอฟตราสารหนี้ ที่มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตามความเสี่ยงลงทุน หรืออาจเข้ามาลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในหุ้น หรือกองทุนอาร์เอ็มเอฟแบบผสมแต่เน้นลงทุนในหุ้นก็ได้”
สำหรับ บลจ.วรรณ ก่อนการลงทุนลูกค้าสามารถทำแบบสอบถามเพื่อประเมินความเสี่ยงในการลงทุนของตัวเองได้ โดยผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. วรรณ กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง แต่ขณะเดียวกันอยากแนะนำว่าหากยังกังวลกับความเสี่ยงจากการลงทุน นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุน (Asset allocation) โดยไม่จำเป็นต้องเข้าถือหน่วยลงทุนกองทุนอาร์เอ็มเอฟ – แอลทีเอฟ เพียงกองทุนเดียว แต่อาจกระจายไปลงทุนในหน่วยลงทุนของอีกกองทุนหนึ่งก็ได้ เช่นคนที่ยังยอมรับความเสี่ยงได้สูง ก็ให้หันมาลงทุนในกองทุนอาร์เอ็มเอฟตราสารทุนประมาณ 75% ส่วนอีก 25%ก็ลงทุนในกองทุนอาร์เอ็มเอฟตราสารหนี้ เป็นต้น
ส่วนการลงทุนในหุ้น ซึ่งช่วงนี้ยังมีความผันผวนนั้น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบลจ.วรรณ กล่าวว่า ไม่มีใครจะสรุปได้ว่าตอนนี้ราคาหุ้นได้ลงมาถึงจุดต่ำสุดหรือยัง แต่นักลงทุนสามารถใช้ Automatic Millionnaire Program หรือ AMP ของบริษัทได้ โดยผ่าน AMP จะทำให้การออมนั้นประสบความสำเร็จและถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างรวดเร็ว เพราะAMP นั้นจะได้รับประโยชน์การลงทุนแบบ Dollar Cost Averagal ซึ่งการลงทุนในรูปแบบกระจายการลงทุนในช่วงเวลาต่างกันตลอดทั้งปี ในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง จะทำให้ผู้ลงทุนได้รับจำนวนหน่วยลงทุนที่มากขึ้นกว่าช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวสูงขึ้นและเมื่อนำมาถัวเฉลี่ยทั้งปีก็จะพบว่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนแบบครั้งเดียว
ขณะเดียวกัน ในส่วนของกองทุนแอลทีเอฟ ปัจจุบัน บลจ.วรรณ มีให้ลูกค้าได้เลือกจำนวน 3 โครงการ ได้แก่กองทุนแอลทีเอฟแบบมีการจ่ายปันผล และกองทุนแอลทีเอฟแบบไม่มีการจ่ายปันผล รวมถึง กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) ซึ่งเป็นกองทุนแอลทีเอฟที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมีการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในตราสารอนุพันธ์ในลักษณะ Short Futures ดังนั้นเมื่อเวลาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นนักลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นนั้น ขณะเดียวกันเมื่อดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงตราสารอนุพันธ์ที่ลงทุนไว้ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนกลับคืนมาได้ในระดับดี เมื่อนำมาหักลบกัน โดยปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งอยู่ที่6% ขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมากกว่า50% จากช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้นหากลูกค้ากองทุนแอลทีเอฟรายใดของบริษัท ต้องการหันมาลงทุนในกองทุนเปิด1SMART-LTF ก็สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนดังกล่าวได้ ซึ่งล่าสุดก.ล.ต.ได้อนุมัติแก้ไขขั้นตอนต่างๆเพิ่มเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุน โดยในส่วนของบลจ.วรรณ ก็กำลังปรับเปลี่ยนขั้นตอนต่างๆเพื่อรองรับในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ กล่าวถึงการลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟนโยบายอื่นว่า สำหรับกองทุนแอลทีเอฟที่มีนโยบายจ่ายปันผล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนกลับคืนอย่างสม่ำเสมอ หรือนำผลตอบแทนที่ได้ไปทำประโยชน์อย่างอื่น แต่เรื่องนี้ยังมีข้อจำกัดในเกณฑ์ที่กองทุนจะจ่ายปันผลจาก30%ของกำไรที่ได้จากเงินลงทุนซึ่งอาจจะน้อย ดังนั้นหากไม่มีความรีบร้อนจะนำเงินไปใช้อะไรการลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟที่ไม่มีนโยบายจ่ายปันผลถือว่าเป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจ หากลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และปล่อยให้เป็นไปตามสภาวะแม้ช่วงตลาดจะผันผวน แต่หากลงทุนไปจนครบระยะเวลา 5 ปี เชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ พฤติกรรมของนักลงทุนส่วนใหญ่ จะให้ความสำคัญกับกองทุนทั้ง2 ประเภทในช่วงปลายปี แต่ในความจริง ผู้จัดการกองทุนทุกรายแนะนำในความเห็นเดียวกันว่า ควรที่จะทยอยเข้าลงทุนในแต่ละเดือนมากกว่า เพื่อเป็นการถัวเฉลี่ยและไม่สร้างความสับสน
นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ บลจ.วรรณจะเข้าร่วมมหกรรมลดภาษีนาทีสุดท้ายที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะนำกองทุนทั้งสองประเภทนี้นำเสนอแก่นักลงทุนและผู้สนใจทุกท่าน ขณะเดียวกันบริษัทจะจัดสัมมนาเรื่องบริหารภาษีส่งท้ายปี ซึ่งจะมีการเชิญวิทยากรที่มีความรู้มาให้ข้อมูลแก่นักลงทุนในวันที่ 25 ธันวาคมนี้
นายสุริพล เข็มจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บลจ.วรรณ มีกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) รวม 7 โครงการไว้รองรับนักลงทุน ตามความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจุดนี้เชื่อว่าบริษัทมีโปรดักต์ครบถ้วนแล้วและไม่มีความจำเป็นต้องกองทุนประเภทดังกล่าวเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
“กองทุนอาร์เอ็มเอฟ และแอลทีเอฟของเราสามารถตอบสนองนักลงทุนได้ทุกรูปแบบ ในความเสี่ยงการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับตัวลูกค้าว่าจะยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เริ่มตั้งแต่กองทุนอาร์เอ็มเอฟ มันนีมาร์เกต ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำมาก แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนก็มีน้อยตามความเสี่ยง หากไม่ต้องการก็สามารถมาลงทุนผ่านกองทุนอาร์เอฟตราสารหนี้ ที่มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตามความเสี่ยงลงทุน หรืออาจเข้ามาลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในหุ้น หรือกองทุนอาร์เอ็มเอฟแบบผสมแต่เน้นลงทุนในหุ้นก็ได้”
สำหรับ บลจ.วรรณ ก่อนการลงทุนลูกค้าสามารถทำแบบสอบถามเพื่อประเมินความเสี่ยงในการลงทุนของตัวเองได้ โดยผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. วรรณ กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง แต่ขณะเดียวกันอยากแนะนำว่าหากยังกังวลกับความเสี่ยงจากการลงทุน นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุน (Asset allocation) โดยไม่จำเป็นต้องเข้าถือหน่วยลงทุนกองทุนอาร์เอ็มเอฟ – แอลทีเอฟ เพียงกองทุนเดียว แต่อาจกระจายไปลงทุนในหน่วยลงทุนของอีกกองทุนหนึ่งก็ได้ เช่นคนที่ยังยอมรับความเสี่ยงได้สูง ก็ให้หันมาลงทุนในกองทุนอาร์เอ็มเอฟตราสารทุนประมาณ 75% ส่วนอีก 25%ก็ลงทุนในกองทุนอาร์เอ็มเอฟตราสารหนี้ เป็นต้น
ส่วนการลงทุนในหุ้น ซึ่งช่วงนี้ยังมีความผันผวนนั้น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบลจ.วรรณ กล่าวว่า ไม่มีใครจะสรุปได้ว่าตอนนี้ราคาหุ้นได้ลงมาถึงจุดต่ำสุดหรือยัง แต่นักลงทุนสามารถใช้ Automatic Millionnaire Program หรือ AMP ของบริษัทได้ โดยผ่าน AMP จะทำให้การออมนั้นประสบความสำเร็จและถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างรวดเร็ว เพราะAMP นั้นจะได้รับประโยชน์การลงทุนแบบ Dollar Cost Averagal ซึ่งการลงทุนในรูปแบบกระจายการลงทุนในช่วงเวลาต่างกันตลอดทั้งปี ในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง จะทำให้ผู้ลงทุนได้รับจำนวนหน่วยลงทุนที่มากขึ้นกว่าช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวสูงขึ้นและเมื่อนำมาถัวเฉลี่ยทั้งปีก็จะพบว่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนแบบครั้งเดียว
ขณะเดียวกัน ในส่วนของกองทุนแอลทีเอฟ ปัจจุบัน บลจ.วรรณ มีให้ลูกค้าได้เลือกจำนวน 3 โครงการ ได้แก่กองทุนแอลทีเอฟแบบมีการจ่ายปันผล และกองทุนแอลทีเอฟแบบไม่มีการจ่ายปันผล รวมถึง กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) ซึ่งเป็นกองทุนแอลทีเอฟที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมีการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในตราสารอนุพันธ์ในลักษณะ Short Futures ดังนั้นเมื่อเวลาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นนักลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นนั้น ขณะเดียวกันเมื่อดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงตราสารอนุพันธ์ที่ลงทุนไว้ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนกลับคืนมาได้ในระดับดี เมื่อนำมาหักลบกัน โดยปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งอยู่ที่6% ขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมากกว่า50% จากช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้นหากลูกค้ากองทุนแอลทีเอฟรายใดของบริษัท ต้องการหันมาลงทุนในกองทุนเปิด1SMART-LTF ก็สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนดังกล่าวได้ ซึ่งล่าสุดก.ล.ต.ได้อนุมัติแก้ไขขั้นตอนต่างๆเพิ่มเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุน โดยในส่วนของบลจ.วรรณ ก็กำลังปรับเปลี่ยนขั้นตอนต่างๆเพื่อรองรับในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ กล่าวถึงการลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟนโยบายอื่นว่า สำหรับกองทุนแอลทีเอฟที่มีนโยบายจ่ายปันผล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนกลับคืนอย่างสม่ำเสมอ หรือนำผลตอบแทนที่ได้ไปทำประโยชน์อย่างอื่น แต่เรื่องนี้ยังมีข้อจำกัดในเกณฑ์ที่กองทุนจะจ่ายปันผลจาก30%ของกำไรที่ได้จากเงินลงทุนซึ่งอาจจะน้อย ดังนั้นหากไม่มีความรีบร้อนจะนำเงินไปใช้อะไรการลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟที่ไม่มีนโยบายจ่ายปันผลถือว่าเป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจ หากลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และปล่อยให้เป็นไปตามสภาวะแม้ช่วงตลาดจะผันผวน แต่หากลงทุนไปจนครบระยะเวลา 5 ปี เชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ พฤติกรรมของนักลงทุนส่วนใหญ่ จะให้ความสำคัญกับกองทุนทั้ง2 ประเภทในช่วงปลายปี แต่ในความจริง ผู้จัดการกองทุนทุกรายแนะนำในความเห็นเดียวกันว่า ควรที่จะทยอยเข้าลงทุนในแต่ละเดือนมากกว่า เพื่อเป็นการถัวเฉลี่ยและไม่สร้างความสับสน
นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ บลจ.วรรณจะเข้าร่วมมหกรรมลดภาษีนาทีสุดท้ายที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะนำกองทุนทั้งสองประเภทนี้นำเสนอแก่นักลงทุนและผู้สนใจทุกท่าน ขณะเดียวกันบริษัทจะจัดสัมมนาเรื่องบริหารภาษีส่งท้ายปี ซึ่งจะมีการเชิญวิทยากรที่มีความรู้มาให้ข้อมูลแก่นักลงทุนในวันที่ 25 ธันวาคมนี้
