ผู้จัดการรายวัน - บลจ.เอ็มเอฟซี รอจังหวะดัชนีหุ้นดีดกลับ ทยอยยุบกองทุนเก่าเข้ากรุ หวังลดต้นทุนบริหารจัดการ เผยช่วงตลาดร่วงหนัก กระทบเอ็นเอวีกองทุนบ้าง แต่ยังไม่รีบขายหุ้นทิ้ง แม้บางกองจะต่ำกว่า 1 บาท เหตุผู้ถือหน่วยยังสบายใจ เพราะก่อนหน้านี้รับปันผลคุ้มเกินกว่าต้นทุนไปบ้างแล้ว ระบุหากรีบขายตอนนี้ ขาดทุนแน่นอน พร้อมย้ำ ไม่ฉุดเอ็นเอวีเป็นศูนย์แน่นอน
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าถึงแผนการยุบกองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในแผนดังกล่าว มีกองทุนประมาณ 10 กองทุนที่จะดำเนินการ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 1,800 ล้านบาท โดยในปัจจุบัน เรากำลังอยู่ขั้นตอนของการควบรวมแล้ว 3 กองทุน หลังจากเริ่มดำเนินการในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แผนดังกล่าว กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานเอาไว้ทั้งหมด 2 ปี ซึ่งการยุบรวมกองทุนดังกล่าวเราไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด เพราะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งการที่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลต่อราคามูลค่าหน่วยลงทุน (เอ็นเอวี) ของกองทุนพอสมควร และหากรีบยุบรวมกองทุนในช่วงนี้ อาจจะทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน ซึ่งจะเป็นการตัดโอกาสของผู้ลงทุนไป โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน ที่อาจจะส่งผลต่องบการเงินหากมีผลขาดทุนจากการลงทุนดังกล่าว ดังนั้น การยุบรวมกองทุนแต่ละกอง คงต้องรอจังหวะที่เหมาะสมหรือช่วงที่ดัชนีปรับขึ้นไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากองทุนหลายกองทุน ราคาเอ็นเอวีจะลดลงค่อนข้างมาก หากเทียบกับราคาตามมูลค่าหน่วยลงทุนในช่วงการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ที่ส่วนใหญ่อยู่ที่ 10 บาท และบางกองทุนก็ลดลงต่ำกว่า 1 บาท แต่ในส่วนของลูกค้าเองก็สบายใจที่จะถือหน่วยลงทุนของกองทุนนั้นๆ ต่อไป เพราะที่ผ่านมาผู้ลงทุนเอง ได้รับผลตอบแทนจากการปันผลไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เอ็นเอวีของกองทุนลดลงด้วย ในขณะเดียวกัน บางกองทุนก็สามารถจ่ายผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลคุ้มเกินกว่าต้นทุนไปเยอะแล้ว
"ลูกค้าเองเขายังสบายใจที่จะถือกองทุนนั้นต่อไป เนื่องจากกองทุนส่วนใหญ่เป็นกองทุนเก่าที่มีอายุการลงทุนมายาวนาน และมีการจ่ายเงินปันผลคืนให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ลูกค้าไม่ห่วงถึงแม้เอ็นเอวีจะดูไม่ดี แต่การยุบรวมกองทุนดังกล่าว แน่นอนว่ามีประโยชน์กับเราในแง่ของต้นทุนการจัดการที่ลดลง แต่เราก็ต้องการให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือทั้งตัวเราเองและลูกค้าด้วย"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่า ส่วนกองทุนที่เอ็นเอวีต่ำกว่า 1 บาทนั้น ไม่น่าเป็นห่วงว่าหากตลาดหุ้นปรับลดลงไปอีกจะทำให้เอ็นเอวีของของทุนเป็นศูนย์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกองทุนลงทุนหุ้นหลายตัว และล้วนเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี ซึ่งการที่เอ็นเอวีจะเป็นศูนย์ได้ นั่นหมายความว่าตลาดต้องเป็นศูนย์ไปด้วย อย่างไรก็ตาม หากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลงลงไปกว่านี้ ในส่วนของกองทุนเองก็คงลดลงไม่มาก เพราะฐานของกองทุนค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว หากเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ ในการดำเนินการยุบรวมกองทุนทั้งหมด จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือหน่วยลงทุนก่อน โดยหลังจากนั้น ก็จะให้ผู้ถือหน่วยเป็นคนเลือกเองว่าต้องการจะโบกเงินลงทุนนั้น ไปลงทุนในกองทุนใด หรือกองทุนประเภทใด ซึ่งจากกองทุนทั้งหมด 10 กองทุนที่จะดำเนินการยุบรวมนั้น คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ครบทั้งหมดภายในปีหน้า
ทั้งนี้ จากการสำรวจกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของเอ็มเอฟซี ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า กองทุนที่มีเอ็นเอวีปรับลดลงต่ำกว่ากว่า 5 บาทมีอยู่หลายกองทุน เช่น กองทุนเปิดแอ๊ดคินซันโกรทฟันด์ ที่จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.6458 บาท กองทุนเปิดศรีนคร จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่19 พฤษภาคม 2543 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.9517 บาท กองทุนเปิดตะวันออกหนึ่ง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 17 กันยายน 2542 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4.0363 บาท กองทุนเปิดรุ่งโรจน์หนึ่ง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2541 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4.7489 บาท
กองทุนเปิดสินชฎา จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 14 สิงหาคม 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 0.8515 บาท กองทุนเปิดนครหลวงไทย จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 9 ธันวาคม 2546 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.4017 บาท กองทุนเปิดนครหลวงไทย สอง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.7526 บาท กองทุนเปิดสินภิญโญเจ็ด จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 5 กรกฎาคม 2542 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8598 บาท กองทุนเปิดสินภิญโญแปด จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 19 พฤษภาคม 2543 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.1122 บาท
กองทุนเปิดสินพัฒนา จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 18 เมษายน 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.0626 บาท กองทุนเปิดสตางค์แดง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 8 ธันวาคม 2541 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8766 บาท กองทุนเปิดสตางค์แดง สอง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 25 มกราคม 2542 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8550 บาท กองทุนเปิดธีรทรัพย์ จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 22 เมษายน 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.9621 บาท และกองทุนเปิดยูไนเต็ดฟันด์ จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 1 เมษายน 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4.4376บาท
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าถึงแผนการยุบกองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในแผนดังกล่าว มีกองทุนประมาณ 10 กองทุนที่จะดำเนินการ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 1,800 ล้านบาท โดยในปัจจุบัน เรากำลังอยู่ขั้นตอนของการควบรวมแล้ว 3 กองทุน หลังจากเริ่มดำเนินการในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แผนดังกล่าว กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานเอาไว้ทั้งหมด 2 ปี ซึ่งการยุบรวมกองทุนดังกล่าวเราไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด เพราะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งการที่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลต่อราคามูลค่าหน่วยลงทุน (เอ็นเอวี) ของกองทุนพอสมควร และหากรีบยุบรวมกองทุนในช่วงนี้ อาจจะทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน ซึ่งจะเป็นการตัดโอกาสของผู้ลงทุนไป โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน ที่อาจจะส่งผลต่องบการเงินหากมีผลขาดทุนจากการลงทุนดังกล่าว ดังนั้น การยุบรวมกองทุนแต่ละกอง คงต้องรอจังหวะที่เหมาะสมหรือช่วงที่ดัชนีปรับขึ้นไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากองทุนหลายกองทุน ราคาเอ็นเอวีจะลดลงค่อนข้างมาก หากเทียบกับราคาตามมูลค่าหน่วยลงทุนในช่วงการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ที่ส่วนใหญ่อยู่ที่ 10 บาท และบางกองทุนก็ลดลงต่ำกว่า 1 บาท แต่ในส่วนของลูกค้าเองก็สบายใจที่จะถือหน่วยลงทุนของกองทุนนั้นๆ ต่อไป เพราะที่ผ่านมาผู้ลงทุนเอง ได้รับผลตอบแทนจากการปันผลไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เอ็นเอวีของกองทุนลดลงด้วย ในขณะเดียวกัน บางกองทุนก็สามารถจ่ายผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลคุ้มเกินกว่าต้นทุนไปเยอะแล้ว
"ลูกค้าเองเขายังสบายใจที่จะถือกองทุนนั้นต่อไป เนื่องจากกองทุนส่วนใหญ่เป็นกองทุนเก่าที่มีอายุการลงทุนมายาวนาน และมีการจ่ายเงินปันผลคืนให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ลูกค้าไม่ห่วงถึงแม้เอ็นเอวีจะดูไม่ดี แต่การยุบรวมกองทุนดังกล่าว แน่นอนว่ามีประโยชน์กับเราในแง่ของต้นทุนการจัดการที่ลดลง แต่เราก็ต้องการให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือทั้งตัวเราเองและลูกค้าด้วย"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่า ส่วนกองทุนที่เอ็นเอวีต่ำกว่า 1 บาทนั้น ไม่น่าเป็นห่วงว่าหากตลาดหุ้นปรับลดลงไปอีกจะทำให้เอ็นเอวีของของทุนเป็นศูนย์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกองทุนลงทุนหุ้นหลายตัว และล้วนเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี ซึ่งการที่เอ็นเอวีจะเป็นศูนย์ได้ นั่นหมายความว่าตลาดต้องเป็นศูนย์ไปด้วย อย่างไรก็ตาม หากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลงลงไปกว่านี้ ในส่วนของกองทุนเองก็คงลดลงไม่มาก เพราะฐานของกองทุนค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว หากเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ ในการดำเนินการยุบรวมกองทุนทั้งหมด จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือหน่วยลงทุนก่อน โดยหลังจากนั้น ก็จะให้ผู้ถือหน่วยเป็นคนเลือกเองว่าต้องการจะโบกเงินลงทุนนั้น ไปลงทุนในกองทุนใด หรือกองทุนประเภทใด ซึ่งจากกองทุนทั้งหมด 10 กองทุนที่จะดำเนินการยุบรวมนั้น คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ครบทั้งหมดภายในปีหน้า
ทั้งนี้ จากการสำรวจกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของเอ็มเอฟซี ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า กองทุนที่มีเอ็นเอวีปรับลดลงต่ำกว่ากว่า 5 บาทมีอยู่หลายกองทุน เช่น กองทุนเปิดแอ๊ดคินซันโกรทฟันด์ ที่จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.6458 บาท กองทุนเปิดศรีนคร จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่19 พฤษภาคม 2543 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.9517 บาท กองทุนเปิดตะวันออกหนึ่ง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 17 กันยายน 2542 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4.0363 บาท กองทุนเปิดรุ่งโรจน์หนึ่ง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2541 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4.7489 บาท
กองทุนเปิดสินชฎา จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 14 สิงหาคม 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 0.8515 บาท กองทุนเปิดนครหลวงไทย จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 9 ธันวาคม 2546 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.4017 บาท กองทุนเปิดนครหลวงไทย สอง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.7526 บาท กองทุนเปิดสินภิญโญเจ็ด จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 5 กรกฎาคม 2542 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8598 บาท กองทุนเปิดสินภิญโญแปด จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 19 พฤษภาคม 2543 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.1122 บาท
กองทุนเปิดสินพัฒนา จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 18 เมษายน 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.0626 บาท กองทุนเปิดสตางค์แดง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 8 ธันวาคม 2541 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8766 บาท กองทุนเปิดสตางค์แดง สอง จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 25 มกราคม 2542 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8550 บาท กองทุนเปิดธีรทรัพย์ จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 22 เมษายน 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.9621 บาท และกองทุนเปิดยูไนเต็ดฟันด์ จัดตั้งกองทุนเมื่อ วันที่ 1 เมษายน 2540 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4.4376บาท