บลจ.วรรณ คงเป้าหมายเอยูเอ็มทั้งนี้ไว้ที่ 10% แม้ปัจจุบันยอดรวมเข้าเป้า หลังปรับเพิ่มแล้ว 6.9 หมื่นล้านบาท "สมจินต์" เผย พยายามรักษาอัตราการเจริญเติบโต ท่วมกลางภาวะวิกฤต พร้อมแนะนักลงทุน ใส่เงินในกองทุน LTF ต่อไป ชี้ได้ประโยชน์ทางภาษี แม้จะให้ผลตอบแทนน้อย ย้ำต้องพิจารณานโยบายของกองทุนที่ลงทุนด้วย
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ปีนี้ไว้ที่ 10%จากสินทรัพย์ในปี 2550 ที่มีอยู่ 62,831 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ล่าสุด มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 69,000 ล้านบาท แต่จะไม่มีการปรับเป้าหมายเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดทุนโดยรวมไม่ดี และมีความผันผวนค่อนข้างมาก การที่สินทรัพย์ของบริษัทมีอัตราการเจริญเติบโตที่ระดับ 10% ถือว่าน่าพอใจแล้ว
ทั้งนี้ อัตราการเจริญเติบโตของเอยูเอ็มที่ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10% มาจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 3 กองทุน กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท50อีทีเอฟ (TDEX) กองทุนเปิดวรรณยูเอสรีคอฟเวอรี่ออพเพอร์ทูนิตี้ฟันด์ (1US-OPP) กองทุนเปิดวรรณนิวแคปปิตอลโกลบอลฟิกซ์อินคัมฟันด์ (1NEWCAP) และกองทุนเปิดวรรณนิวแคปปิตอลโกลบอลฟิกซ์อินคัมดิวิเดนฟันด์ (1NEWCAP-D) เป็นหลัก
ส่วนแผนงานในช่วงต่อไป บริษัทจะเน้นการเข้าไปแนะนำการลงทุนให้แก่นักลงทุนว่าในภาวะตลาดที่มีความผันผวน การลงทุนที่สอดคล้องกับสถานการณ์มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ซึ่งได้แก่การจัดทัพลงทุนนั่นเอง แต่น่าเห็นใจที่เงินลงทุนกับเครื่องมือในการลงทุนไม่สอดคล้องกัน โดยการที่นำเงินไม่เย็นมาลงทุนในหุ้นก็จะส่งผลให้มีเดือดร้อนใจ หากมีเงินที่อุ่นก็สามารถเข้ามาลงทุนในกองทุนเปิดวรรณเดลี่ (1AM-DAILY) ที่มีความเหมาะสม และสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา
นายสมจินต์ กล่าวว่า ส่วนกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) ยังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นกองทุนที่บริษัทมีความภูมิใจ โดยนโยบายของกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ถือเป็นนโยบายที่ดี แม้ว่านักลงทุนส่วนหนึ่งจะประสบกับภาวะขาดทุน ซึ่งที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในกองทุน 1SMART-LTF มีกำไรประมาณ 3% ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องที่โชคดีหรือเป็นความบังเอิญ แต่เป็นเพราะกองทุนมีนโยบายที่ดี และมีการป้องกันความผันผวนจากหุ้นไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีความเสี่ยงน้อย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจะลงทุนในกองทุน LTF ต่อไป เนื่องจากประโยชน์ทางภาษีมีความสำคัญ แม้ว่าผลตอบแทนจะน้อย แต่ประโยชน์ทางภาษีก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรรักษาไว้เช่นกัน และควรตรวจสอบนโยบายของกองทุนที่ตนเองเข้าไปลงทุนด้วย
ส่วนการปรับพอร์ตลงทุนกองทุนหุ้นของบริษัทในยามที่ตลาดมีความผันผวน จะมีการปรับพอร์ตลงทุนบ้าง แต่ปกติแล้วกองทุนจะไม่ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนบ่อยครั้ง เนื่องจากมีมุมมองการลงทุนในระยะยาวอยู่แล้ว โดยหน้าที่หลักคือการแนะนำลูกค้าให้มีความชัดเจนในการลงทุน โดยในยามที่ตลาดทุนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีความผันผวนไปทั่วโลก การลงทุนที่สอดคล้องกับความเข้าใจ และสามารถยอมรับความเสี่ยงของการลงทุนมีความสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับกองทุน 1AM-DAILY จะเน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ ธุรกรรมทางการเงิน หรือตราสารทางการเงินอื่นใดที่มีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถามหรือจะครบกำหนดชำระคืนหรือมีอายุสัญญาไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ลงทุนในทรัพย์สินหรือเข้าทำสัญญา รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต. ทั้งนี้ กองทุนจะดำรงอายุเฉลี่ยของตราสารทั้งหมดของกองทุน (Portfolio Duration) ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่เกิน 6 เดือน
อนึ่ง กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging) และกองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
ส่วนกองทุน 1SMART-LTF จะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน และเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต.
ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (hedging) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ หรือเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ปีนี้ไว้ที่ 10%จากสินทรัพย์ในปี 2550 ที่มีอยู่ 62,831 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ล่าสุด มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 69,000 ล้านบาท แต่จะไม่มีการปรับเป้าหมายเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดทุนโดยรวมไม่ดี และมีความผันผวนค่อนข้างมาก การที่สินทรัพย์ของบริษัทมีอัตราการเจริญเติบโตที่ระดับ 10% ถือว่าน่าพอใจแล้ว
ทั้งนี้ อัตราการเจริญเติบโตของเอยูเอ็มที่ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10% มาจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 3 กองทุน กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท50อีทีเอฟ (TDEX) กองทุนเปิดวรรณยูเอสรีคอฟเวอรี่ออพเพอร์ทูนิตี้ฟันด์ (1US-OPP) กองทุนเปิดวรรณนิวแคปปิตอลโกลบอลฟิกซ์อินคัมฟันด์ (1NEWCAP) และกองทุนเปิดวรรณนิวแคปปิตอลโกลบอลฟิกซ์อินคัมดิวิเดนฟันด์ (1NEWCAP-D) เป็นหลัก
ส่วนแผนงานในช่วงต่อไป บริษัทจะเน้นการเข้าไปแนะนำการลงทุนให้แก่นักลงทุนว่าในภาวะตลาดที่มีความผันผวน การลงทุนที่สอดคล้องกับสถานการณ์มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ซึ่งได้แก่การจัดทัพลงทุนนั่นเอง แต่น่าเห็นใจที่เงินลงทุนกับเครื่องมือในการลงทุนไม่สอดคล้องกัน โดยการที่นำเงินไม่เย็นมาลงทุนในหุ้นก็จะส่งผลให้มีเดือดร้อนใจ หากมีเงินที่อุ่นก็สามารถเข้ามาลงทุนในกองทุนเปิดวรรณเดลี่ (1AM-DAILY) ที่มีความเหมาะสม และสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา
นายสมจินต์ กล่าวว่า ส่วนกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) ยังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นกองทุนที่บริษัทมีความภูมิใจ โดยนโยบายของกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ถือเป็นนโยบายที่ดี แม้ว่านักลงทุนส่วนหนึ่งจะประสบกับภาวะขาดทุน ซึ่งที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในกองทุน 1SMART-LTF มีกำไรประมาณ 3% ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องที่โชคดีหรือเป็นความบังเอิญ แต่เป็นเพราะกองทุนมีนโยบายที่ดี และมีการป้องกันความผันผวนจากหุ้นไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีความเสี่ยงน้อย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจะลงทุนในกองทุน LTF ต่อไป เนื่องจากประโยชน์ทางภาษีมีความสำคัญ แม้ว่าผลตอบแทนจะน้อย แต่ประโยชน์ทางภาษีก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรรักษาไว้เช่นกัน และควรตรวจสอบนโยบายของกองทุนที่ตนเองเข้าไปลงทุนด้วย
ส่วนการปรับพอร์ตลงทุนกองทุนหุ้นของบริษัทในยามที่ตลาดมีความผันผวน จะมีการปรับพอร์ตลงทุนบ้าง แต่ปกติแล้วกองทุนจะไม่ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนบ่อยครั้ง เนื่องจากมีมุมมองการลงทุนในระยะยาวอยู่แล้ว โดยหน้าที่หลักคือการแนะนำลูกค้าให้มีความชัดเจนในการลงทุน โดยในยามที่ตลาดทุนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีความผันผวนไปทั่วโลก การลงทุนที่สอดคล้องกับความเข้าใจ และสามารถยอมรับความเสี่ยงของการลงทุนมีความสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับกองทุน 1AM-DAILY จะเน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ ธุรกรรมทางการเงิน หรือตราสารทางการเงินอื่นใดที่มีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถามหรือจะครบกำหนดชำระคืนหรือมีอายุสัญญาไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ลงทุนในทรัพย์สินหรือเข้าทำสัญญา รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต. ทั้งนี้ กองทุนจะดำรงอายุเฉลี่ยของตราสารทั้งหมดของกองทุน (Portfolio Duration) ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่เกิน 6 เดือน
อนึ่ง กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging) และกองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
ส่วนกองทุน 1SMART-LTF จะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เงินทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน และเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต.
ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (hedging) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ หรือเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)