บลจ.อยุธยา รับมือวิกฤตการเมือง-วิกฤติการเงินสหรัฐ ปรับพอร์ตกองหุ้น หันมาถือเงินสดเพิ่ม จากเดิม 2% เป็น 5% พร้อมทั้งเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่มีเเน้วโน้มการเติบโตดีระยะยาว 3-5 ปี ในกลุ่มสื่อสารเเละกลุ่มพาณิชย์ ด้านผลดำเนินงานล่าสุด กองทุน "หุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล 70/30" ผลตอบเเทนโดดเด่น
นายประภาส ตันติพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือเอวายเอฟ เปิดเผยการดำเนินงานกองทุนหุ้นในช่วงนี้ว่า นักลงทุนยังคงตื่นตระหนกกับสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ ประกอบกับวิกฤติสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป เเละหลายฝ่ายยังเชื่อว่าจะมีลุกลามมายังเอเชียอีกด้วย จึงทำให้นักลงทุนทั้งรายย่อย นักลงทุนสถาบัน เเละนักลงทุนต่างชาติ พากันเทขายสุทธิมากขึ้นเนื่องจากไม่วางใจในสถานการณ์
สำหรับการบริหารพอร์ตกองทุนหุ้นของบลจ.ในช่วงนี้ ทางเรามีการปรับพอร์ตไปเมื่อ 2-3 สัปดาห์โดยเราจะถือเงินสดมากขึ้นถึง 5% จากเดิมที่มีเงินสดภายในกองทุนเพียง 2-3% เพื่อเป็นสภาพคล่องภายในกองทุน ขณะเดียวกันการเก็บหุ้นเข้าพอร์ตนั้น เราจะเลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง เเละปัจจัยเศรษฐกิจโลกน้อยที่สุด เช่น หุ้นกลุ่มสื่อสาร เเละหุ้นกลุ่มพาณิชย์ เป็นต้น เเละการเลือกหุ้น BIG CAPนั้นเราจะเลือกดูที่พื้นของหุ้นเป็นรายตัวมากกว่า ซึ่งหุ้นตัวที่เราเลือกต้องมีเเนวโน้มเติบโต 3-5ปี ส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มคอมมอนิตีคงต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากเฮดจ์ฟันด์เทขายหุ้นตัวนี้เพื่อทำกำไรจึงส่งผลให้ราคาคอมมอดิตีผันผวน
ทั้งนี้ บลจ.อยุธยาได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้น ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2551 โดยกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล 70/30 มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกองทุนหุ้น โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -8.82% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEXอยู่ที่ 23.39% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -13.88% โดยเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEXอยู่ที่ -26.99% อันดับที่ 2 คือ กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.21% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -14.04% ส่วนอันดับที่ 3 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่-11.43% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่-17.97%
รายงานข่าวระบุต่ออีกว่า อันดับที่ 4 คือกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง -11.83% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน -18.15% ขณะที่กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล อยู่ในอันดับที่ 5 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -12.03% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่-18.33% อันดับที่ 6 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -14.36% ทั้งนี้ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่-15.86% ส่วนอันดับที่ 7 ได้เเก่กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -19.04% ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนอยู่ที่ -20.86%
อันดับที่ 8 คือกองทุนเปิดอยุธยาทวีปันผล มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -19.22% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -21.25% ส่วนอันดับที่ 9 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -19.26% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -21.18% ขณะที่อันดับ 10 คือกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 19.41% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -21.92% สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ อยู่ในอันดับที่ 11 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -19.49% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -21.61%
ขณะเดียวกันอันดับที่ 12 คือกองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่-20.79% เเละผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -22.73% อันดับที่ 13 กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นเเฮซ์เซ็ท 50 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -22.37% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐาน SET 50 อยู่ที่ 23.99% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -26.08% โดยเกณฑ์มาตรฐาน SET 50 อยู่ที่ -29.00% อันดับที่ 14 คือกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาเซ็ท 50 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่-22.56% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -26.92% เเละอันดับสุดท้ายคือ กองทุนเปิดอยุธยา SET 100 เ พื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -22.42% โดยเกณฑ์มาตรฐาน SET 100 อยู่ที่ -24.12% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -27.04% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐาน SET 100 อยู่ที่ -29.20%
นายประภาส ตันติพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือเอวายเอฟ เปิดเผยการดำเนินงานกองทุนหุ้นในช่วงนี้ว่า นักลงทุนยังคงตื่นตระหนกกับสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ ประกอบกับวิกฤติสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป เเละหลายฝ่ายยังเชื่อว่าจะมีลุกลามมายังเอเชียอีกด้วย จึงทำให้นักลงทุนทั้งรายย่อย นักลงทุนสถาบัน เเละนักลงทุนต่างชาติ พากันเทขายสุทธิมากขึ้นเนื่องจากไม่วางใจในสถานการณ์
สำหรับการบริหารพอร์ตกองทุนหุ้นของบลจ.ในช่วงนี้ ทางเรามีการปรับพอร์ตไปเมื่อ 2-3 สัปดาห์โดยเราจะถือเงินสดมากขึ้นถึง 5% จากเดิมที่มีเงินสดภายในกองทุนเพียง 2-3% เพื่อเป็นสภาพคล่องภายในกองทุน ขณะเดียวกันการเก็บหุ้นเข้าพอร์ตนั้น เราจะเลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง เเละปัจจัยเศรษฐกิจโลกน้อยที่สุด เช่น หุ้นกลุ่มสื่อสาร เเละหุ้นกลุ่มพาณิชย์ เป็นต้น เเละการเลือกหุ้น BIG CAPนั้นเราจะเลือกดูที่พื้นของหุ้นเป็นรายตัวมากกว่า ซึ่งหุ้นตัวที่เราเลือกต้องมีเเนวโน้มเติบโต 3-5ปี ส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มคอมมอนิตีคงต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากเฮดจ์ฟันด์เทขายหุ้นตัวนี้เพื่อทำกำไรจึงส่งผลให้ราคาคอมมอดิตีผันผวน
ทั้งนี้ บลจ.อยุธยาได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้น ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2551 โดยกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล 70/30 มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกองทุนหุ้น โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -8.82% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEXอยู่ที่ 23.39% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -13.88% โดยเกณฑ์มาตรฐาน SET INDEXอยู่ที่ -26.99% อันดับที่ 2 คือ กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.21% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -14.04% ส่วนอันดับที่ 3 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่-11.43% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่-17.97%
รายงานข่าวระบุต่ออีกว่า อันดับที่ 4 คือกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง -11.83% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน -18.15% ขณะที่กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล อยู่ในอันดับที่ 5 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -12.03% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่-18.33% อันดับที่ 6 กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -14.36% ทั้งนี้ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่-15.86% ส่วนอันดับที่ 7 ได้เเก่กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -19.04% ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนอยู่ที่ -20.86%
อันดับที่ 8 คือกองทุนเปิดอยุธยาทวีปันผล มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -19.22% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -21.25% ส่วนอันดับที่ 9 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -19.26% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -21.18% ขณะที่อันดับ 10 คือกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวี 5 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 19.41% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -21.92% สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้ อยู่ในอันดับที่ 11 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -19.49% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -21.61%
ขณะเดียวกันอันดับที่ 12 คือกองทุนเปิดอยุธยารักษ์ก้าวหน้า มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่-20.79% เเละผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -22.73% อันดับที่ 13 กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นเเฮซ์เซ็ท 50 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -22.37% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐาน SET 50 อยู่ที่ 23.99% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -26.08% โดยเกณฑ์มาตรฐาน SET 50 อยู่ที่ -29.00% อันดับที่ 14 คือกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาเซ็ท 50 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่-22.56% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -26.92% เเละอันดับสุดท้ายคือ กองทุนเปิดอยุธยา SET 100 เ พื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -22.42% โดยเกณฑ์มาตรฐาน SET 100 อยู่ที่ -24.12% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -27.04% ซึ่งเกณฑ์มาตรฐาน SET 100 อยู่ที่ -29.20%