xs
xsm
sm
md
lg

กบข.เพิ่มถือหุ้นไทย10%ธ.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กบข.เตรียมเพิ่มนำหนักหุ้นไทยในเดือนธันวาคมนี้จากปัจจุบันมีอยู่แค่ 7.5 -8% ของพอร์ตลงทุน เป็น 10% ชี้เป็นช่วงจังหวะที่ดี และหุ้นยังมีราคาถูก ยอมรับภาวะวิกฤติการเงินที่ลุกลามทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของสมาชิกที่พ้นสมาชิกภาพในช่วงนี้

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ในช่วงเดือนธันวาคม กบข.เตรียมเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเป็น 10% จากปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอยู่ที่ 7.5-8% เนื่องจากมองว่าช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงจังหวะที่ดีต่อการลงทุนในหุ้น ประกอบกับราคาหุ้นที่ค่อนข้างถูก โดยจะเน้นลงทุนในกลุ่มธุรกิจภายในประเทศ ซึ่งมองว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากนัก

ขณะเดียวกันในปี2552 กบข.จะเน้นลงทุนบริษัทจดทะเบียนโดยเน้นผลประกอบการเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นบริษัทฯ ที่มีเงินสดมาก มีสัดส่วนหนี้สินน้อย รวมถึงจะเน้นรักษาสภาพคล่องโดยถือเงินสดเช่นเดิม

"สัดส่วนต่างประเทศปีนี้กบข.ก็คงอยู่เท่าเดิมที่ 7% แต่ในเดือนธันวาคมน่าจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยเป็น 10%ได้จากจังหวะเหมาะและราคาที่เหมาะสม" นายวิสิฐ กล่าว

อนึ่ง เลขาธิกากบข.กล่าวว่า จากภาวะวิกฤติการเงินสหรัฐอเมริกาที่ได้ส่งผลกระทบลุกลามเป็นลูกโซ่ในตลาดเงินและตลาดทุนไปทั่วโลกขนาดหนัก ซึ่งส่งผลกระทบกับการลงทุนในประเทศไทยไปด้วยนั้น ทำให้เกิดกระทบต่อผลตอบแทนสะสมของ กบข. ในช่วงนี้

ทั้งนี้ สืบเนื่องตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา กบข. มีหลักการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับสมาชิกเป็นรายวัน (Daily Unitization) ตามประกาศคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เรื่องการจัดสรรผลประโยชน์สุทธิเข้าบัญชีเงินกองทุนและหลักเกณฑ์วิธีการคิดมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนส่วนสมาชิกเป็นจำนวนหน่วยและมูลค่าต่อหน่วย เพื่อให้ได้รับรู้ผลการดำเนินงานของกองทุนในรูปมูลค่าต่อหน่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงเป็นรายวันตามผลประกอบการของกองทุน และเมื่อสมาชิกพ้นสมาชิกภาพและยื่นขอรับเงินคืนนั้น กบข. จะจ่ายเงินคืนสมาชิกเท่ากับจำนวนหน่วยที่สมาชิกมีอยู่ในบัญชี คูณด้วยมูลค่าต่อหน่วย ณ วันที่ กบข. ทำรายการจ่ายเงินนั่นเอง

ขณะเดียวกัน ด้วยสาเหตุที่สภาวะการลงทุนเกิดวิกฤติกระทบอย่างหนักและผันผวนสูงทั้งในประเทศและทั่วโลกเช่นในปัจจุบันนี้ จึงทำให้มูลค่าของหลักทรัพย์ในช่วงนี้ลดลง ส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุนในระยะนี้ติดลบ และทำให้มูลค่าต่อหน่วยลงทุนในปัจจุบันปรับลดลงไปจากสิ้นปี 2550 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการลดลงนี้เป็นการลดลงในส่วนของผลตอบแทนเท่านั้น อีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงานในระยะยาวที่ผ่านมานั้น ผลตอบแทนที่บริหารให้กับสมาชิกนับตั้งแต่ปี 2540 – กันยายน 2551 ที่กระจายเข้าสู่บัญชีสมาชิกยังคงอยู่ที่ ร้อยละ 7.24 ส่วนอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีเฉลี่ยเท่ากับ 4.00 และย้อนหลัง 3 ปีเฉลี่ยเท่ากับ 3.79 ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมายนั่นคือสูงกว่าอัตราเงินฝากเฉลี่ย 5 ธนาคารใหญ่อย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น