xs
xsm
sm
md
lg

กบข.รับผลตอบแทนติดลบ ฉุดเงินจ่ายสมาชิกเกษียณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน-กบข.ระบุวิกฤตการเงินฉุดผลตอบแทนช่วงนี้ติดลบ ตามภาวะราคาหลักทรัพย์รูด จนฉุดมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV)ดิ่ง แถมยังกระทบสมาชิกที่พ้นสภาพ เพราะเงินที่จะได้รับจากการจ่ายคืนต้องหดตัวตามไปด้วย และอาจฉุดผลตอบแทนทั้งปีต่ำกว่าปี50 หลังพบผลดำเนินงานเริ่มติดลบตั้งแต่ไตรมาส 2

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า จากภาวะวิกฤติการเงินสหรัฐอเมริกาที่ได้ส่งผลกระทบลุกลามเป็นลูกโซ่ในตลาดเงินและตลาดทุนไปทั่วโลกขนาดหนัก ซึ่งส่งผลกระทบกับการลงทุนในประเทศไทยด้วย ขณะเดียวกันเรื่องดังกล่าวยังทำให้เกิดกระทบต่อผลตอบแทนสะสมของ กบข. ในช่วงนี้

ทั้งนี้ สืบเนื่องตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา กบข. มีหลักการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับสมาชิกเป็นรายวัน (Daily Unitization) ตามประกาศคณะกรรมกบข. เรื่องการจัดสรรผลประโยชน์สุทธิเข้าบัญชีเงินกองทุนและหลักเกณฑ์วิธีการคิดมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนส่วนสมาชิกเป็นจำนวนหน่วยและมูลค่าต่อหน่วย เพื่อให้ได้รับรู้ผลการดำเนินงานของกองทุนในรูปมูลค่าต่อหน่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงเป็นรายวันตามผลประกอบการของกองทุน และเมื่อสมาชิกพ้นสมาชิกภาพและยื่นขอรับเงินคืนนั้น กบข. จะจ่ายเงินคืนสมาชิกเท่ากับจำนวนหน่วยที่สมาชิกมีอยู่ในบัญชี คูณด้วยมูลค่าต่อหน่วย ณ วันที่ กบข. ทำรายการจ่ายเงินนั่นเอง

ดังนั้น ด้วยสาเหตุที่สภาวะการลงทุนเกิดวิกฤติกระทบอย่างหนักและผันผวนสูงทั้งในประเทศและทั่วโลกเช่นในปัจจุบันนี้ จึงทำให้มูลค่าของหลักทรัพย์ในช่วงนี้ลดลง และส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุนในระยะนี้ติดลบ รวมทั้งทำให้มูลค่าต่อหน่วยลงทุนในปัจจุบันปรับลดลงไปจากสิ้นปี 2550 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามการลดลงนี้เป็นการลดลงในส่วนของผลตอบแทนเท่านั้น อีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงานในระยะยาวที่ผ่านมานั้น ผลตอบแทนที่บริหารให้กับสมาชิกนับตั้งแต่ปี 2540 – กันยายน 2551 ที่กระจายเข้าสู่บัญชีสมาชิกยังคงอยู่ที่ ร้อยละ 7.24 ส่วนอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีเฉลี่ยเท่ากับ 4.00 และย้อนหลัง 3 ปีเฉลี่ยเท่ากับ 3.79 ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมายนั่นคือสูงกว่าอัตราเงินฝากเฉลี่ย 5 ธนาคารใหญ่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับ กบข. เป็นกองทุนเงินออมระยะยาว ที่มีความเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนของทั้งโลกรวมถึงในประเทศไทย ว่าจะมีแนวโน้มจะปรับตัวได้ดีขึ้นในอีก 2- 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ กบข. ยังจำเป็นต้องรอดูสถานการณ์และจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมก่อนเพื่อประโยชน์ของสมาชิก

ที่ผ่านมา การลงทุนของ กบข.ในช่วงนี้จะหันมาถือเงินสดมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรอจังหวะการลงทุนในช่วงที่เหมาะสมเพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยการลงทุนในตลาดหุ้นของกบข.เน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ฐานะทางบัญชีมั่นคง และเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น

“ผลตอบแทนของกองทุนในปีนี้คงจะไม่เป็นบวก เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งมีผลตอบแทนเป็นบวกระดับ 9% แต่ถึงแม้ในปีนี้จะลดลง หรือมีผลตอบแทนเป็นลบ กบข.ก็สามารถนำผลตอบแทนในอดีตมาชดเชยได้ โดยตอนนี้ ได้ปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทย ลงเหลือ 8% จากต้นปีที่อยู่ระดับ 11% ส่วนการลงทุนในหุ้นต่างประเทศเหลือ 7-8% จากต้นปีอยู่ที่ระดับ 9%”นายวิสิฐกล่าว

โดยผลดำเนินงาน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551กบข.มีสินทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้น 376,286.32 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุนย้อนหลัง 12 เดือน (กรกฎาคม 2550 - มิถุนายน 2551) ให้ผลตอบแทน -0.70% ในขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี (2548-2550) อยู่ที่ 6.47% ย้อนหลัง 5 ปี ( 2546-2550 ) อยู่ที่ 6.61% และย้อนหลังตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน (2540-2550) อยู่ที่ 8.24%

ส่วนสาเหตุที่ผลตอบแทนในช่วงครึ่งปีแรกของ กบข. ที่ปรับตัวลดลงนั้น กบข.ชี้แจงว่าถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนสถาบันทั่วโลกทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ต่างประสบปัญหาเช่นเดียวกัน คือ เกิดจากตลาดตราสารทุนและตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกมีความผันผวนตั้งแต่ปลายปี2550ที่ผ่านมา จากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ในสหรัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นในระดับสูง ส่งผลให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลก และตลาดตราสารทุนทั่วโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น