xs
xsm
sm
md
lg

MFCขายกองบอนด์ไทยอายุ1ปี ชูความเสี่ยงต่ำหนีความผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอ็มเอฟซี หนีความผันผวนในต่างประเทศ ส่งกองทุนความเสี่ยงต่ำ "เอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน" เพิ่มทางเลือกนักลงทุน โดยเน้นลงทุนตราสารหนี้ความมั่นคงสูงอายุไปเกิน 1 ปี เสนอขายถึง 3 พฤศจิกายนนี้ ด้านบลจ. ฟิลลิป คลอดอาร์เอ็มเอฟกองใหม่ "ฟิลลิปผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ" รับเงินลงทุนพร้อมใช้สิทธิลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี เน้นการลงทุนแบบผสมทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน ไอพีโอถึง 7 พ.ย.นี้
นายพิชิต อัคราทิตย์
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐ ส่งผลให้ บลจ. เอ็มเอฟซี หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศแทน โดยเฉพาะตราสารหนี้ในประเทศ ซึ่งเป็นตราสารที่เหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงนี้

ล่าสุด บลจ. เอ็มเอฟซี กำลังเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงินหรือ MM-GOV โดยเปิดขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคงสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยง ต้องการความมั่นคงในการลงทุน และคาดหวังผลตอบแทนที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ นอกจากนี้ ผู้ลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนจะไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย ทั้งนี้หลังการเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก บริษัทจะเปิดซื้อขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด MM-GOV ทุกวันทำการ เพื่อสภาพคล่องของการลงทุนของผู้ลงทุน

โดยกองทุนเปิด MM-GOV มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพราะมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและแน่นอนจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐอายุไม่เกิน 1 ปี โดยกองทุนจะลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่องค์กรภาครัฐเป็นผู้ออกหรือค้ำประกัน พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล
ด้านนายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ฟิลลิป กำลังอยู่ระหว่างการเสนอขาย กองทุนเปิดฟิลลิปผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (PMIXRMF) โดยจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายน 2551 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนแบบผสม (Mixed Fund) ระหว่างตราสารหนี้ และตราสารทุน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ที่มีความมั่นคงและพื้นฐานดี โดยเน้นความมั่นคงของผู้ออกตราสารเป็นหลัก รวมทั้งยังลงทุนในตราสารทุน รวมถึงหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์อื่น ซึ่งอาจจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศด้วย โดยสัดส่วนการลงทุนจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทจัดการลงทุนตามความเหมาะสมในแต่ละขณะ

“เราเชื่อมั่นว่า กองทุนดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากในขณะนี้รัฐบาลได้นำเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงมาตรการเกี่ยวกับการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการหักลดหย่อนภาษีของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือ RMF ที่เตรียมขยายวงเงินลงทุนจาก 5 แสนบาทเป็น 7 แสนบาท โดยเชื่อว่าจะกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี ประกอบกับในช่วงปลายปีเช่นนี้ จะเป็นช่วงที่นักลงทุนนิยมเข้ามาลงทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในโค้งสุดท้าย” นายวรรธนะกล่าว

นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่า จากสถานการณ์ที่ผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติภาคสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาที่ขยายวงเข้าสู่ทวีปยุโรป ผนวกกับทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาลง จากการที่นานาประเทศต้องประคับประคองเศรษฐกิจ ทำให้การลงทุนในกองทุน PMIXRMF ที่ผสมผสานระหว่างการลงทุนในตราสารหนี้กับตราสารทุน ภายใต้การบริหารจัดการและดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ จะเป็นทางเลือกที่หลากหลายสำหรับนักลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น