บลจ.กรุงไทย ส่ง "กรุงไทย-ทรีนิตี้ปันผล" ร่วมจัดตั้ง Matching Fund กับตลาดหลักทรัพย์ ชี้ตรงวัตถุประสงค์นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งอยู่ในระดับสูง พร้อมแนะนำนักลงทุนพลิกวิกฤตเข้าซื้อหุ้นถูกเพื่อรับผลตอบแทนในระดับสูง ล่าสุดจัดโปรโมชั่นกระตุ้นลูกค้าเข้าซื้อหน่วยลงทุนเพิ่ม
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ให้ร่วมจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน( Matching Fund) ในกลุ่มกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ( Retail Fund) ซึ่งบริษัทจะนำกองทุนเปิดกรุงไทย-ทรีนิตี้ปันผลมาร่วมจัดตั้งกองทุนแมทชิ่งฟันด์ เนื่องจากเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารทุนไม่เกิน 30 หลักทรัพย์ ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงไทย-ทรีนิตี้ปันผล เป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานของกองทุนอยู่ในเกณฑ์สูงอย่างสม่ำเสมอ ทั้งเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด และเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2551 ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ -13.20% ย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ -12.62% ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -2.59% และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 67.35%
ส่วนเกณฑ์มาตรฐาน ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ -19.07% ย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ -18.98% ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -13.59% และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 13.17% โดยจากการจัดอันดับของลิปเปอร์กองทุนอยู่ในลำดับที่ 12 ใน107 กองทุน
"จากปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย การลงทุนเพื่อเก็บออมไว้ใช้จ่ายในอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากดัชนีสูงสุดที่ 874.54 จุด และล่าสุดณ วันที่ 1 ตุลาคม 2551 อยู่ที่ 594.45 จุดจึงนับว่าเป็นจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่ดี ที่เหมาะต่อการลงทุนในหลักทรัพย์ หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในหลักทรัพย์ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต นอกจากนี้ กองทุนยังมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง รวมทั้งสิ้น5.15บาท หรือประมาณ 51.5% นับตั้งแต่ปี 2547"นายสมชัย กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาลงทุนดังกล่าวเพิ่มเติม บริษัทจึงได้จัดโปรโมชั่น สำหรับลูกค้าที่ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนดังกล่าวในช่วงนี้ถึง17 ตุลาคม 2551 ลงทุน 50,000 บาทขึ้นไปรับเสื้อ Wealth Plus , ลงทุน 100,000 บาทขึ้นไป รับกระเป๋าใส่เอกสาร ลงทุน 300,000 บาทขึ้นไป รับปากกา- Flash Drive 1 Gb ลงทุน 500,000 บาทขึ้นไป รับปากกา Cross และลงทุน 1,000,000 ล้านบาทขึ้นไป รับ MP4
ก่อนหน้านี้ บลจ.กรุงไทย ยืนยันว่าจากภาวะสภาพคล่องทางการเงินที่ตึงตัวอย่างมาก ส่งผลทำให้ตลาดกู้ยืมระหว่างธนาคาร ตลาดตราสารหนี้ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศต่างๆ มีความผันผวน โดยภาวะดังกล่าวมีสาเหตุหลักจากวิกฤตการเงินในประเทศสหรัฐฯ และยุโรป โดยในส่วนของประเทศในภูมิภาคเอเชียเองก็ได้รับผลกระทบจากภาวะความผันผวนทางการเงินเช่นกัน แต่คาดว่าผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวจะอยู่ในวงจำกัด เพราะธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ได้มีการเข้ามาแทรกแซงผ่านการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเป็นระยะทำให้บริษัทได้มีแผนชะลอการเปิดจำหน่ายกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศออกไป
ส่วนกองที่เปิดจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ บริษัทขอยืนยันว่าในพอร์ตการลงทุนทุกกองทุน ไม่มีการถือครองตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินทั้งในสหรัฐฯ , ยุโรป และออสเตรเลียแต่อย่างใด โดยตราสารส่วนใหญ่ที่ถือครองอยู่เป็นตราสารการเงินของสถาบันการเงินภาครัฐเกาหลีใต้เป็นหลัก
ขณะที่ภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี ยังทรงตัวใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินระยะสั้นที่ระดับ 3.72% - 3.78% เนื่องจากยังมีความต้องการจากกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในประเทศ และเป็นผลสืบเนื่องจากการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นในภาวะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง
โดยในช่วงที่สถานการณ์การลงทุนในต่างประเทศมีความไม่แน่นอนเช่นในปัจจุบัน บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญในเงินลงทุนของลูกค้า จึงเน้นการเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศประเภทคุ้มครองเงินต้น โดยในระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2551 บริษัทจะมีการจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือนคุ้มครองเงินต้น1 ( KTFIX6M1 ) ซึ่งมีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท